
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (6 ส.ค.) หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคบริการสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนประเมินคำขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปและเซมิคอนดักเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 40,430.46 จุด ลดลง 119.08 จุด หรือ -0.29%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,864.15 จุด ลดลง 38.38 จุด หรือ -0.15% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,615.81 จุด ลดลง 1.79 จุด หรือ -0.05%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.64% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดบวก 0.38%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดอ่อนแรงลงในวันอังคาร (5 ส.ค.) หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 50.8 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.5 โดยได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานที่ชะลอตัวลง
ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปและเซมิคอนดักเตอร์ในเร็ว ๆ นี้ โดยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า
“เรากำลังจะประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นหมวดแยกต่างหาก เพราะเราต้องการให้สินค้าเหล่านี้ถูกผลิตในสหรัฐฯ” ปธน.ทรัมป์กล่าวในวันอังคาร และเสริมว่าเขาจะประกาศแผนภาษีครั้งใหม่นี้ในสัปดาห์หน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 68)