IVL วิ่งขึ้น 4.89% โบรกเก็ง H2/68 เห็นสัญญาณกำไรฟื้นชัด-มีอัพไซด์ IPO บริษัทย่อย

หุ้น IVL ช่วงบ่ายบวกขึ้นมา 4.89% ที่ 23.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 654.78 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.32 น. โดยเปิดตลาดที่ 22.60 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 23.90 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 22.60 บาท

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า เห็นสัญญาณฟื้นตัวของกำไร บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส [IVL] ครึ่งปีหลัง จากที่มีผลขาดทุนก้อนใหญ่ในครึ่งปีแรก เชื่อว่าบริษัทได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว การปรับตัวดีขึ้นของห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์หลัก การเปลี่ยนแปลงต้นทุนที่เร่งตัวขึ้น และอัพไซด์จากการขายสินทรัพย์ที่อาจจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ IVL อยู่ในสถานะที่พร้อมสำหรับการปรับอันดับเครดิต จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 27 บาท

IVL จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ฝ่ายบริหารมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะกลุ่มโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเรต (PET) และ โมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG) คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 69 จากภาวะอุปสงค์กลับเข้าสู่ภาวะปกติและการควบคุมอุปทาน

IVL เน้นย้ำนโยบายของจีนจากการปิดโรงงานปิโตรเคมีที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัย เพื่อแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินเชิงโครงสร้างและปรับปรุงอัตรากำไรอง PET ทั่วโลก และเป็นสัญญาณที่ดีต่อความสามารถในการแข่งขันของ IVL ในระยะยาว นอกจากนี้ IVL เชื่อว่าการกลับมาของภาษีศุลกากรของสหรัฐจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท เนื่องจากกำลังผลิต 40% อยู่ในสหรัฐ ให้ความได้เปรียบด้านต้นทุนและการเข้าถึงตลาดเหนือผู้ส่งออกในเอเชีย

ขณะที่กำไรเริ่มฟื้นตัว คาดว่าจะมีกำไรหลัก 600 ล้านบาทในไตรมาส 2/68 พลิกจากขาดทุนหลัก 975 ล้านบาทในไตรมาส 1/68 แต่คาดว่าจะมีขาดทุนสุทธิเล็กน้อย 140 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปรับลดมูลค่าสินค้าคงคลัง โดยการคาดการณ์กำไรหลักของเราอ้างอิงจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็น 3.4 ล้านตัน

และอัตรากำไร Ebitda หลัก 90 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จากไตรมาส 4/68 อยู่ที่ 84 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และ ไตรมาส 2/67 ที่ 103 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน การปรับปรุง Ebitda หลักมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PET/PTA แบบบูรณาการที่สูงขึ้นเป็น 132 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันในไตรมาส 2/68 เพิ่มขึ้นจากเพียง 116 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันในไตรมาส 1/68 และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เมทิลเทอร์เชียรีบิวทิลอีเทอร์ (MTBE) ที่สูงขึ้นเป็น 282 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จาก 271 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

นอกจากนั้น ฝ่ายบริหารยังยืนยันแผนการแยกกิจการและจดทะเบียนสินทรัพย์ 2 รายการ ได้แก่ 1. ธุรกิจปลายน้ำ IOD (Indovinya) ซึ่งมุ่งเน้นสารลดแรงตึงผิวและสารเคลือบผิว และ 2. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ วัตถุประสงค์หลักในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เพื่อปลดล็อกมูลค่าและสร้างอัตราส่วนทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น คาดว่าจะแยกกิจการภายในปี 69 โดย IVL จะยังคงถือหุ้นใหญ่เกือบ 70% และคาดว่าจะช่วยลดหนี้สินลง 1 พันล้านดอลาร์สหรัฐ และอาจบันทึกกำไรครั้งเดียว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 68)