
นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า ปีนี้สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดีมาก ๆ เพราะเจอทั้งปัญหาภาษีทรัมป์ ปัญหาชายแดน การสวมสิทธิ์ มีโรงงานศูนย์เหรียญ อุตสาหกรรมเก่าปรับตัวไม่ได้ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แต่ภาพรวมการจัดทำงบประมาณปี 69 ไร้ประสิทธิภาพเหมือนเดิม
นายศุภณัฐ กล่าวว่า ในส่วนอนุกรรมการสิ่งปลูกสร้าง มีการของบประมาณ 3.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบสร้างถนน อุโมงค์ สะพาน ท่าเรือและสนามบิน 180,000 ล้านบาท คิดเป็น 57% งบสร้างเขื่อน ชลประทาน ทรัพยากรน้ำ และการเกษตร 100,000 ล้านบาท คิดเป็น 30% และงบสร้างอาคาร บ้านพัก พิพิธภัณฑ์ โรงพยาบาล 40,000 ล้านบาท คิดเป็น 13%
ทั้งนี้ นายศุภณัฐ ได้สรุป 8 ปัญหาในการตั้งคำของบประมาณด้านสิ่งก่อสร้างที่ไร้ประสิทธิภาพ ประกอบด้วย
1. ขอในสิ่งที่ไม่ควรขอ เช่น บ้านพักผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ 7 หลัง งบประมาณ 91 ล้าน ที่อ้างว่า เป็นคอมมอนเซนเตอร์ แต่ในแบบก่อสร้าง ก็สร้างเป็นแบบมีบ้านพัก และห้องจัดเลี้ยง หรือกรมฝนหลวงก็ขออาคารที่มีดาต้าเซนเตอร์ข้างใน เช่น จ.บุรีรัมย์ 499 ล้านบาท พะเยา 299 ล้านบาท และเพชรบุรี 499 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่มีการรณรงค์ให้ใช้คลาวด์กลาง และให้ต่างชาติมาลงทุนในดาต้าเซนเตอร์ แต่หน่วยงานกลับสร้าง 1 หน่วยงาน 1 ดาต้าเซนเตอร์เต็มไปหมด
2. ขอขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ทั้งที่สำนักงบประมาณมีระเบียบขนาดอาคารเทียบกับเจ้าหน้าที่พนักงานเรียบร้อย แต่ไม่มีใครนำไปใช้ มีแต่ออกแบบตึกใหญ่โอเวอร์ เพื่อได้ของบเป็นจำนวนมาก เช่น ตึกกระทรวงคมนาคม ของบฯ 3,832 ล้านบาท เหมาะกับคน 3,000 คน แต่ใช้จริง 1,000 คน แถมมีที่จอดรถ 1,000 คัน เทียบเท่าที่จอดรถ 1 ต่อ 1 สำหรับพนักงาน เป็นการผลาญงบประมาณ 2,000 ล้านบาทไปแบบฟรี ๆ
3. ราคาต่อหน่วยแพงเกินจริง เช่น สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) โดนตัดงบฯ ไป 40% เพราะค่าตกแต่งอยู่ที่ 57,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ราคาตลาดคิดอยู่เพียง 20,000 บาทต่อตารางเมตร หรือโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดนตัดงบค่าตกแต่งภายใน 47% จาก 260 ล้านบาท เหลือ 137 ล้านบาท เช่น ประตู บานละ 1 แสนบาท, เคาน์เตอร์เวชระเบียน 2 ล้านบาท, ตู้เอกสาร 3 แสนบาท, ตู้เปลี่ยนรองเท้าคนไข้ 7 แสนบาท, ตู้ใส่ผ้าอบ 2 ล้านบาท และการที่ชอบทำแบบ build-in เพราะไม่มีราคากลาง และของบางอย่างที่มีสเปคเดียวกันแต่ของบต่างกัน เช่น ลิฟต์แต่ละโรงพยาบาล ที่บางโรงพยาบาลของบ 1.4 ล้านบาท บางโรงพยาบาลของบ 1.8 ล้านบาท
4. ไม่บูรณาการและวางแผนการใช้สอยอาคารร่วมกัน จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ 1 กรม ต่อ 1 ตึก ทั้ง ๆ ที่อยู่จังหวัดเดียวกัน ก็ต้องสร้างแยกกัน เพราะอยากมีตึกเป็นของตัวเอง ไม่อยากใช้ตึกร่วมกับคนอื่น หรือศาลากลาง ศูนย์ราชการ ก็ต้องสร้างอาคารเป็นของตัวเอง
5.ชอบสร้าง ไม่ชอบเช่า เพราะอยากมีเอี่ยวในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีหลายหน่วยงานพอเป็นหน่วยงานใหญ่แล้ว เช่าออฟฟิศอยู่ไม่ได้ จะต้องหางบเพื่อสร้างเป็นของตัวเอง
6. อยากเป็นโอเปอร์เรเตอร์ สร้างแข่งกับเอกชน เช่น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ขอสร้างตึก 873 ล้านบาท เพื่อซ้อมดนตรีกับจัดนิทรรศการ แทนที่จะร่วมลงทุนกับภาคเอกชน หรือร่วมกับมหาวิทยาลัย แต่กลับเอาที่ดินใจกลางรัชดาตารางวาเป็นล้านไปสร้างตึกตัวเอง หรือบ้านบางแค 2 เป็นบ้านพักคนชรา 499 ล้านบาท แต่ราคาต่อตารางเมตรแพงกว่าโรงพยาบาล 2 เท่า
7. ใช้ที่ดินสิ้นเปลือง หลายโครงการมีแบบอาคารเดียวกัน แต่ใช้ที่ดินต่างกัน
8. จัดสรรงบผิดฝา ผิดตัว เช่น กระทรวงกลาโหม สร้างถนนแข่งกระทรวงคมนาคม ทำน้ำประปา แข่งกับกระทรวงกลาโหม สร้างโรงพยาบาล แข่งกับกระทรวงสาธารณสุข มีสนามกอล์ฟ มีโรงแรม มีศาลทหารเป็นของตัวเอง
นายศุภณัฐ กล่าวว่า จากการตั้งงบฯ ที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล และรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้เลยนั้น จึงขอเสนอปรับลดงบประมาณ 1% ในภาพรวมเพื่อรีดไขมัน และนำงบไปรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 68)