SJWD กำไร Q2/68 พุ่ง 61.1% สร้างฐานใหม่แข็งแกร่ง หาช่องทางขยายลงทุน-ขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์

นายเอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ [SJWD] เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ครึ่งปีหลัง น่าจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการปรับขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยอยู่ในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกับประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกันอาจเกิดการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจ ส่วนการบริการขนส่งสินค้าข้ามแดนยังคงดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมองวิกฤตเป็นโอกาสในการนำเสนอโซลูชันเพื่อเป็นทางเลือกแก่ลูกค้า โดยมั่นใจว่าด้วยความเชี่ยวชาญ การบริการที่หลากหลาย และฐานลูกค้าที่กระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม จะทำให้บริษัทผลักดันรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

แผนการดำเนินธุรกิจครี่งปีหลัง ยังคงพิจารณาโอกาสขยายการลงทุนในธุรกิจเดิม การร่วมทุน เข้าถือหุ้น หรือซื้อกิจการด้วยความระมัดระวัง ล่าสุด บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี เอเชีย จำกัด ในเครือ SJWD, รุ่ยหยุน (เอชเค) อินเตอร์เนชั่นแนล ซัพพลายเชน (Ruiyun) และโกลเด้น ไลน์ เซอร์วิสเซส ได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “รุ่ยหยุน อินเตอร์เนชั่นแนล ซัพพลายเชน (ประเทศไทย) โดยถือหุ้น 40% 49% และ 11% ตามลำดับ เพื่อร่วมมือกันให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิและสินค้าทั่วไปจากไทยและอาเซียนไปยังประเทศจีน เช่น ผลไม้, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

พร้อมทั้งมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมถึงการลดต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนในการทยอยจ่ายชำระหนี้จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท ตลอดจนวางแผนขายทรัพย์สินแก่กองทรัสต์ในไตรมาส 3/68 เพื่อเตรียมความพร้อมด้านฐานเงินทุน

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 มีรายได้รวม 6,437.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 282.5 ล้านบาท แม้ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจำนวน 339.4 ล้านบาทที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเข้าลงทุนในบริษัท Swift Haulage Berhad หรือ SWIFT ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 61.1%

ทั้งนี้ กำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ถือเป็นการสร้างฐานกำไรใหม่ที่สูงกว่าเดิม สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากการการเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) และลดต้นทุนทางการเงินภายหลังรวมกิจการแล้วเสร็จ รวมถึงการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์มีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทฯ และปรับเพิ่มราคาเหมาะสมของหุ้น SJWD

ขณะที่รายได้จากธุรกิจส่วนใหญ่เติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อาทิ ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไป รายได้ 335.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.0% เนื่องจากขยายพื้นที่เพิ่มและสามารถหาผู้เช่าได้อย่างรวดเร็ว, ธุรกิจขนส่งหลากหลายรูปแบบ รายได้ 251.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น, ธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดน รายได้ 174.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.6% จากการปรับโหมดและเส้นทางขนส่งเพื่อนำเสนอโซลูชันแก่ลูกค้าและการขยายฐานลูกค้ารายใหม่, ธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า มีรายได้ 37.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.9% จากการทำการตลาดเชิงรุก, ธุรกิจต่างประเทศ มีรายได้ 1,040.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% จากการเติบโตขึ้นของรายได้จากประเทศอินโดนีเซีย ประกอบกับการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ (เวียดนาม) จำกัด ฯลฯ ส่วนธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์มั่นใจว่าจะทำรายได้ทั้งปีตามเป้าหมาย แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจากได้รับงานเพิ่มขึ้นจากลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้นและสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ ทำรายได้รวม 12,877.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ไม่มีการรับรู้รายได้จากธุรกิจ Food Services ในประเทศไต้หวันที่จำหน่ายเงินลงทุนไปแล้ว ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 648.0 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรพิเศษในช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลงทุนใน SWIFT) กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 90.9% โดยธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นในช่วง 6 เดือนแรก อาทิ ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไป รายได้ 643.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8%, ธุรกิจขนส่งหลากหลายรูปแบบ มีรายได้ 489.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.0%, ธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดน รายได้ 346.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% ฯลฯ

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีความพร้อมในการรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ พร้อมดำเนินกลยุทธ์การลงทุนอย่างระมัดระวัง การควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร การจ่ายชำระคืนหนี้สินและลดต้นทุนทางการเงินจากกระแสเงินสดจากดำเนินการที่แข็งแกร่งของบริษัท รวมถึงได้ทยอยซื้อหุ้นเกือบครบตามจำนวนตั้งเป้าหมายไว้ในโครงการ ซึ่งจะเพิ่มอัตรากำไรต่อหุ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 68)