
ชาวอิสราเอลจำนวนหลายหมื่นคนได้ออกมาชุมนุมประท้วงในวันอาทิตย์ (17 ส.ค.) เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มฮามาสเพื่อยุติสงครามในฉนวนกาซา และปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่
การประท้วงและการนัดหยุดงานทั่วประเทศของชาวอิสราเอลเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจที่มีต่อแผนการของรัฐบาลที่จะเปิดฉากการโจมตีครั้งใหม่ในฉนวนกาซาซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักอยู่แล้ว โดยผู้ประท้วงได้แสดงความกังวลว่าปฏิบัติการที่มุ่งเข้ายึดเมืองกาซาและพื้นที่ตอนกลางของฉนวนกาซา อาจเป็นอันตรายต่อตัวประกันชาวอิสราเอล 49 คนที่ยังถูกคุมขังในพื้นที่ดังกล่าว
กลุ่มองค์กรเพื่อตัวประกันและครอบครัวผู้สูญหาย (Hostages and Missing Families Forum) ซึ่งเป็นผู้จัดการชุมนุม ระบุว่า มีประชาชนนับแสนคนเข้าร่วมการชุมนุมในกว่า 300 พื้นที่ทั่วประเทศ โดยในกรุงเทลอาวีฟ ถนนหลายสายถูกปิดเนื่องจากธุรกิจจำนวนมาก รวมถึงสาขาของบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft), เมตา (Meta) และฟีเวอร์ (Fiverr) ได้ปิดทำการ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับการประท้วงในครั้งนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผู้ชุมนุมได้ปิดกั้นทางหลวงหลายสาย รวมถึงถนนสายหลักที่มุ่งสู่เยรูซาเลม นอกจากนี้ ยังได้จุดไฟเผายางรถยนต์ และขัดขวางการจราจร ขณะที่ผู้ประท้วงได้ถือธงชาติอิสราเอลและธงสีเหลืองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อตัวประกัน พร้อมตะโกนคำขวัญและตีกลองเสียงดังกระหึ่ม
ทั้งนี้ ป้ายประท้วงใบหนึ่งเขียนข้อความว่า “การยึดครองกาซา = คำตัดสินประหารชีวิตสำหรับตัวประกัน (The conquest of Gaza = death sentence for the hostages)” โดยผู้ประท้วงตะโกนว่า “เราจะไม่ชนะสงครามบนร่างของตัวประกัน”
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายการชุมนุมบางส่วน และจับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 38 คน
เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอล ได้ออกมาประณามการประท้วงดังกล่าวว่าเป็นการรณรงค์แบบสุดโต่งและเป็นอันตราย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มฮามาส พร้อมกับกล่าวว่าแรงกดดันที่ต้องการให้เกิดข้อตกลงนั้น จะเป็นการ “ฝังตัวประกันไว้ในอุโมงค์” และบีบให้อิสราเอล “ยอมจำนนต่อศัตรู”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 68)