
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จในการปราบปรามอาชญากรรมในกรุงวอชิงตัน เมืองหลวงของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) ระหว่างการเดินทางเยือนสำนักงานตำรวจเพื่อพบปะเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางที่ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ได้พากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ากลยุทธ์ดังกล่าวรุนแรงเกินไป
รายงานระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้นำพิซซ่าและแฮมเบอร์เกอร์มาแจกจ่ายให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงถึงการสนับสนุน พร้อมกับยกย่องความพยายามของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ที่ทำให้อาชญากรรมลดลง แม้จะไม่ได้อ้างอิงหลักฐานใด ๆ เลยก็ตาม โดยเขากล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า “วอชิงตันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทุกคนปลอดภัยแล้ว”
ปธน.ทรัมป์แสดงความมั่นใจในการตอบสนองของรัฐบาลกลางด้วยการกล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า กรุงวอชิงตันกำลังฟื้นตัว และสหรัฐฯ กำลังจะมีเมืองหลวงที่ดีที่สุดที่เคยมีมา
ทั้งนี้ ทรัมป์ประกาศสถานการณ์ด้านความปลอดภัยฉุกเฉินในกรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่าเมืองแห่งนี้กำลังเผชิญกับอาชญากรรมที่ร้ายแรง และสั่งระดมกองกำลังพิทักษ์ชาติและเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางออกลาดตระเวนตามท้องถนน และระบุว่า เขาจะยึดสำนักงานตำรวจของเมืองแห่งนี้เป็นการชั่วคราว อันเป็นการแสดงถึงการใช้อำนาจที่ไม่ธรรมดาของประธานาธิบดี
การปราบปรามดังกล่าวครอบคลุมถึงการเพิ่มปฏิบัติการหยุดและตรวจค้น การลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางในย่านที่อยู่อาศัย และการเรียกสอบผู้คนโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ มากนัก
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กรุงวอชิงตันปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่าอาชญากรรมรุนแรงกำลังแพร่ระบาดไปทั่ว โดยชี้ถึงสถิติของรัฐบาลกลางและของเมืองที่แสดงให้เห็นว่า อาชญากรรมรุนแรงลดลงอย่างมากนับตั้งแต่พุ่งสูงขึ้นในปี 2566
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามมูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตันว่า วอชิงตันมีความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่ โบว์เซอร์กล่าวว่าเมืองหลวงแห่งนี้มีอัตราการก่ออาชญากรรมลดลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับกล่าวว่า การมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มขึ้น 500 นายจะทำให้มีการจับกุมเพิ่มมากขึ้น และเราต้องการให้อาวุธปืนถูกหมดไปจากท้องถนน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 68)