การปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่ทะเลในญี่ปุ่น ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว โดยปฏิบัติการปล่อยน้ำรอบที่ 14 เสร็จแล้วในวันนี้ (25 ส.ค.)
บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เทปโก้) ผู้บริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ระบุว่า น้ำราว 7,900 ตันถูกปล่อยลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกในการปล่อยน้ำลงมหาสมุทรรอบล่าสุด ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ทำให้ตอนนี้มีน้ำที่ถูกปล่อยแล้วทั้งสิ้น 110,000 ตัน โดยไม่พบระดับทริเทียม (tritium) ที่ผิดปกติในแหล่งน้ำใกล้เคียง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ระหว่างปล่อยน้ำครั้งล่าสุด เทปโก้ตรวจพบทริเทียมปริมาณ 61 เบคเคอเรลต่อลิตรจากตัวอย่างน้ำทะเลบริเวณช่องปล่อยน้ำของโรงงาน ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ในการหยุดปล่อยน้ำที่กำหนดไว้ที่ 700 เบคเคอเรล และต่ำกว่าเพดานขององค์การอนามัยโลกที่ 10,000 เบคเคอเรลสำหรับน้ำดื่ม
ทั้งนี้ เทปโก้มีกำหนดปล่อยน้ำเสียกัมมันตรังสีประมาณ 54,600 ตัน ในปีงบประมาณจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยแบ่งออกเป็น 7 รอบ ซึ่งครั้งล่าสุดเป็นรอบที่ 3 นับตั้งแต่เดือนเม.ย.
แม้จีนได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นทั้งหมดไปแล้วในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากพบว่าไม่มีความผิดปกติในตัวอย่างน้ำทะเลและสิ่งมีชีวิตในทะเลที่เก็บมาเอง แต่สินค้าจาก 10 จังหวัด รวมถึงฟุกุชิมะและโตเกียวยังคงถูกแบนอยู่ ทำให้ญี่ปุ่นกำลังเร่งเจรจาเพื่อให้มีการยกเลิกข้อจำกัดที่เหลือโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ หลังจากวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในปี 2554 ซึ่งเกิดจากแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ โรงงานแห่งนี้ยังคงมีน้ำเสียกัมมันตรังสีเกิดขึ้นประมาณวันละ 70 ตันจากการหล่อเย็นเชื้อเพลิงเตาปฏิกรณ์ที่หลอมละลาย ซึ่งน้ำปนเปื้อนเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในถังบำบัดโดยระบบบำบัดของเหลวที่กำจัดนิวไคลด์กัมมันตรังสีส่วนใหญ่ ยกเว้นทริเทียม
ต่อมา ญี่ปุ่นได้ตัดสินใจในเดือนเม.ย. 2564 ในการปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว เพื่อรื้อถอนถังเก็บน้ำเหล่านี้และเตรียมพื้นที่สำหรับก่อสร้างโรงงานเพื่อกำจัดเศษเชื้อเพลิงที่หลอมละลาย โดยการปล่อยน้ำเริ่มเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2566 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2594
น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจะถูกเจือจางด้วยน้ำทะเลจนเหลือความเข้มข้นเพียง 1 ใน 40 ของมาตรฐานความปลอดภัยของญี่ปุ่นก่อนที่จะถูกปล่อยออกมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ส.ค. 68)
