น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 งบกลางรวมกว่า 5 พันล้านบาท เพื่อใช้ใน 4 โครงการ ประกอบด้วย
- รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,900 ล้านบาท ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสรรสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้มีสิทธิฯ) อย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จำนวน 13.45 ล้านคน ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ กองทุนฯ มียอดเงินคงเหลือ 6,034.23 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ก.ย.67 โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวน 50,400 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อจัดสรรสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิฯ จำนวน 50,287.26 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน จำนวน 112.74 ล้านบาท
ที่ผ่านมากองทุนฯ มีการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับการจัดสรรสวัสดิการในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67-31 ก.ค.68) เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 45,533.33 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 ก.ค.68 บัญชีของกองทุนฯ ซึ่งเป็นบัญชีเพื่อใช้จ่ายสำหรับการจัดประชารัฐสวัสดิการให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามโครงการฯ ปี 2565 มีสถานะคงเหลือ 6,556.36 ล้านบาท (ข้อมูลจากกรมบัญชีกลาง) โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.68 เฉลี่ยเดือนละ 4,720 ล้านบาท (รวมเป็นวงเงิน 9,440 ล้านบาท) ทำให้กองทุนฯ มีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรรบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,900 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อจัดสรรสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิฯ ต่อไป
- รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 1,696 ล้านบาทให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่หน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย รวม 18 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา พิษณุโลก สุโขทัย ตาก พิจิตร อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน อุทัยธานี อุดรธานี หนองคาย นครพนม บึงกาฬ และพระนครศรีอยุธยา โดย ไม่เรียกเก็บค่าไฟฟ้าประจำเดือน ก.ย.67 และให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 30% ซึ่งกำหนดให้เป็นส่วนลดก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือน ต.ค.67
- รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 363.62 ล้านบาท ให้จังหวัดเชียงรายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่มีสาเหตุจากพายุไต้ฝุ่นยางิและพายุซูลิก รวมถึงมวลอากาศเย็นและร่องมรสุมพาดผ่านในพื้นที่รวม 18 โครงการ
- รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 139.93 ล้านบาทให้กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 279 ราย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ส.ค. 68)
