รัฐบาลญี่ปุ่นเผยแพร่รายงานวันนี้ (29 ส.ค.) ระบุว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องทบทวนนโยบายสำหรับชาวต่างชาติ และควรพิจารณาอย่างจริงจังว่าควรกำหนดโควตาจำนวนผู้พำนักต่างชาติหรือไม่ หลังจำนวนชาวต่างชาติในประเทศเพิ่มสูงขึ้นจนกลายเป็นประเด็นถกเถียงในหมู่คนญี่ปุ่น
ซูซูกิ เคสุเกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวในรายงานว่า ญี่ปุ่นยังไม่มีนโยบายที่เป็นเอกภาพเกี่ยวกับชาวต่างชาติ และยังไม่เคยมีการถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคม ความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการผู้พำนักต่างชาติในเชิงปริมาณ
ปัจจุบัน รัฐบาลกำหนดโควตาผู้ถือวีซ่าแรงงานต่างชาติที่มีทักษะไว้ 820,000 คน สำหรับช่วง 5 ปีตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 และเตรียมเปิดตัววีซ่าฝึกงานด้านเทคนิคในปี 2570 ซึ่งจะมีการจำกัดจำนวนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม รายงานยังเสนอด้วยว่า รัฐบาลควรพิจารณามาตรการจำกัดโควตาชั่วคราวสำหรับผู้ถือวีซ่าสถานะอื่น หากจำนวนชาวต่างชาติเพิ่มสูงจนก่อให้เกิดแรงเสียดทานทางสังคมเกินระดับที่ยอมรับได้
รายงานระบุว่า ญี่ปุ่นมีนโยบายเข้มงวดด้านคนเข้าเมืองมาช้านานเพื่อรักษาความเป็นสังคมเดี่ยว (homogeneous society) แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้เริ่มผ่อนคลายกฎเกณฑ์เพื่อตอบโจทย์แรงงานที่ลดลงจากสังคมสูงวัย โดยปีที่ผ่านมา จำนวนชาวต่างชาติพำนักในญี่ปุ่นแตะ 3.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบรายปี คิดเป็นราว 3% ของประชากรทั้งหมด
ขณะเดียวกัน เมื่อต้นสัปดาห์ ญี่ปุ่นประกาศเข้มงวดเกณฑ์การขอวีซ่าสำหรับผู้ประกอบการต่างชาติ และก่อนการเลือกตั้งยังจัดตั้งคณะทำงานข้ามหน่วยงานเพื่อรับมือปัญหาอาชญากรรมและนักท่องเที่ยวล้นเมือง
ทั้งนี้ ประเด็นการหลั่งไหลเข้าของชาวต่างชาติ ทั้งชั่วคราวและถาวร กำลังเป็นที่ถกเถียงในสังคมญี่ปุ่น หลังพรรคการเมืองที่ต่อต้านผู้อพยพคว้าที่นั่งเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งวุฒิสภาเดือนก.ค. ทำให้รัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ส.ค. 68)
