TSE แย้มครึ่งปีหลังลุยประมูลต่อเนื่อง ลุ้นสิ้นปีปิดดีล M&A-JV โรงไฟฟ้าใหม่สร้าง New S-Curve

นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ [TSE] เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 68 กลุ่มบริษัทยังคงเดินหน้าเข้าร่วมประมูลและจัดหาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในธุรกิจพลังงานทดแทนรูปแบบใหม่ๆ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถสรุปดีลเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือการเข้าร่วมลงทุน (JV) โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดใหม่ เพื่อสร้าง New S-Curve ให้กับกลุ่มบริษัทฯตามแผนและยุทธศาตร์ธุรกิจ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

บริษัทยังคงมุ่งมั่นการเติบโตในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ตามนโยบายภาครัฐ การลงทุนในโครงการ Solar Big Lot Phase 1 และ 2 โดยเน้นการบริหารจัดการต้นทุนและศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ในการนำระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) มาใช้ ในขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าศึกษาการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอื่น และโซลูชั่นด้านพลังงานสำหรับลูกค้าองค์กร (Private PPA) กลุ่มบริษัทฯเชื่อว่าการบริหารโครงการให้มีความหลากหลาย และสร้างรายได้อย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

อีกทั้งธุรกิจสุขภาพ โดยเริ่มจากการรักษาภาวะมีบุตรยาก (IVF) ก่อนต่อยอดสู่ Wellness ความงาม และเภสัชกรรม รองรับเมกะเทรนด์สุขภาพที่มีมูลค่าตลาดกว่า 6 พันล้านบาทต่อปีในไทย เสริมเป็น New S-Curve สนับสนุนการเติบโตควบคู่ธุรกิจพลังงาน

อนึ่ง กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PV) ในรูปแบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm), แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar Farm + Battery Energy Storage System (BESS), แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop), แบบติดตั้งแบบลอยน้ำ (Solar Floating) และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล (Biomass Power Plants)

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 กลุ่มบริษัทมีโครงการที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย รวม 62 โครงการ รวมกำลังการผลิตเสนอขายทั้งสิ้น 382.86 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการที่ขายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 34 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายรวม 153.8 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างดำเนินการของโครงการ Solar Big Lot 28 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขาย 229.06 เมกะวัตต์

ผลงานสำคัญในไตรมาส 2/68 กลุ่มบริษัทมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Repowering, Replacement, and Upgrade Efficiency) อย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่ม Solar Farm และ Solar Rooftop ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 15-20% และได้ปรับปรุงระบบงานทั้งหมดที่ส่วนกลางและโรงไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนอื่นๆ ส่งผลให้การดำเนินงานและกำไรของบริษัทในภาพรวมมีความแข็งแกร่งและยั่งยืนมากขึ้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 68)