
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) กำลังพิจารณาใช้มาตรการชะลอความร้อนแรงของตลาดหุ้น หลังจากตลาดหุ้นจีนซึ่งมีมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.ปีนี้
ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกของ MSCI ซึ่งไม่นับรวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวลงในช่วงบ่ายวันนี้ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลง 1.6% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานข่าวดังกล่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าว
แหล่งข่าวระบุว่า คณะกรรมการ CSRC ได้มีการพิจารณามาตรการต่าง ๆ ที่นำเสนอในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดการขายชอร์ตบางส่วน นอกจากนี้ CSRC กำลังพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ เพื่อควบคุมการซื้อขายเก็งกำไร เนื่องจากกังวลว่าหากตลาดมีการพลิกผันในทางตรงกันข้ามอย่างรุนแรง ก็อาจจะสร้างความเสียหายต่อนักลงทุนรายย่อย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่เหมือนกับในปี 2558 เจ้าหน้าที่ CSRC จึงพยายามสนับสนุนให้ตลาดเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่จีนเพิ่งแสดง แสนยานุภาพทางทหารในพิธีสวนสนามเมื่อวันที่ 3 ก.ย. เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งโดยปกติแล้วรัฐบาลจีนจะพยายามสร้างเสถียรภาพในตลาดทุนในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญของชาติ
แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีมาตรการใดที่ได้รับอนุมัติหรือนำมาใช้ ขณะที่คณะกรรมการ CSRC ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว
อู๋ ชิง ประธาน CSRC เคยส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้น ในระหว่างการประชุมที่เขาจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งเมื่อปลายเดือนที่แล้ว โดยให้คำมั่นว่าจะสร้างแรงผลักดันเชิงบวกต่อตลาด ขณะเดียวกันก็จะส่งเสริมการลงทุนระยะยาว มุ่งเน้นคุณค่า และความสมเหตุสมผล
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้ออกมาตรการควบคุมกิจกรรมการลงทุนในตลาดหุ้น โดยได้สั่งให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตเพื่อลงทุนในหุ้น เนื่องจากมีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากได้เข้ามาลงทุนในตลาดเพื่อหวังได้ประโยชน์ภาวะการซื้อขายที่คึกคักในตลาดหุ้นจีน
ทั้งนี้ ธนาคารหลายแห่งของจีน เช่น ไชน่า หมินเฉิง (China Minsheng) และหัวเซี่ย แบงก์ (Huaxia Bank) ได้ออกคำเตือนในเดือนก.ค.ที่ผ่านมาว่า วงเงินจากบัตรเครดิตและเงินสดที่เบิกล่วงหน้าจากบัตรเครดิตไม่สามารถนำไปใช้ในการลงทุนในด้านต่าง ๆ ที่ถูกสั่งห้ามไว้ และหากมีการละเมิด ก็อาจนำไปสู่การยกเลิกธุรกรรมและจำกัดการใช้งานบัตรเครดิต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ย. 68)