
นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ [TSE] เปิดเผยว่า บริษัท ไทย คอมมูนิตี้ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (TCE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนทั้งหมด ในสัดส่วนร้อยละ 100 ใน บริษัท พาวเวอร์ เอซ วัน จำกัด (PACE1) ผู้ดำเนินธุรกิจการจำกัดของเสียที่ไม่เป็นอันตรายโดยการเผาด้วยเตาเผาขยะแบบทันสมัยและครบวงจร และเป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างจัดหาเอกชนเข้าลงทุนในโครงการและได้สิทธิสัมปทานการลงทุนก่อสร้าง และบริหารจัดการแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ไม่เกิน 9.9 เมกะวัตต์ และขายไฟฟ้า 8.0 เมกะวัตต์ มีระยะเวลาในการดำเนินโครงการ 25 ปี กับองค์การบริหารส่วนตำบลคอรุม จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีมูลค่าลงทุน รวมกว่า 2.4 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าลงทุนดังกล่าว จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4/68 โดยการเข้าลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการขยายพอร์ตธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเพื่อต่อยอดธุรกิจสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบ และนับเป็นหมุดหมายสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero Greenhouse Gas Emission ของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยนอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะจาก จ.อุตรดิตถ์ และบางพื้นที่ของ จ.สุโขทัยแล้ว ยังช่วยลดการฝังกลบขยะ ลดการปล่อยก๊าซมีเทน พร้อมสร้างการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งในรูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์ (แบบติดตั้งบนพื้นดิน ลอยน้ำ และบนหลังคา) และพลังงานชีวมวลในประเทศไทย
ณ 30 มิถุนายน 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการที่ดำเนินการอยู่รวมทั้งสิ้น 62 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายรวม 382.86 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 34 โครงการ รวม 153.8 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาจากการได้รับคัดเลือกในโครงการ Solar Big Lot Phase 1 และ 2 จำนวน 28 โครงการ รวม 229.06 เมกะวัตต์ และมีกำหนดการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2570-2573
“กลุ่มบริษัทฯ TSE ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางเป้าหมายไว้ โดยเน้นการขยายการลงทุนในธุรกิจหลักกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่างๆ ที่ได้รับการคัดเลือก พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการแตกไลน์สู่ธุรกิจด้านสุขภาพ และความงามตามเมกะเทรนด์ของโลก โดยมั่นใจว่า ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรในธุรกิจให้สูงขึ้น สนับสนุนผลการดำเนินงานในปีนี้และปีต่อๆ ไปให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ” นางสาวแคทลีน กล่าวในที่สุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ย. 68)