
ผู้บริหารกว่า 150 คนจากอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของยุโรป รวมตัวเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ยึดเป้าหมายที่กำหนดให้รถยนต์และรถตู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2578
บริษัทผู้ลงนาม ซึ่งรวมถึง วอลโว่ คาร์ (Volvo Cars) และ โพลสตาร์ (Polestar) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติสวีเดน เตือนว่า หากเป้าหมายถูกเลื่อนออกไป ตลาดรถ EV ในยุโรปจะชะลอตัว เสียเปรียบคู่แข่งจากต่างประเทศ และลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อปลายเดือนส.ค. สมาคมผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ยุโรปได้ส่งจดหมายถึงเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ระบุว่า การกำหนดให้รถยนต์ในยุโรปลดการปล่อยคาร์บอนลง 100% ภายในปี 2578 อาจเป็นไปไม่ได้ตามเป้า โดยในจดหมายฉบับดังกล่าวมีชื่อของโอลา คัลเลเนียส ซีอีโอเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) เป็นผู้ร่วมบลงนาม
ทั้งนี้ ฟอน เดอร์ เลเยน มีกำหนดหารือกับตัวแทนอุตสาหกรรมยานยนต์ในวันที่ 12 ก.ย. นี้ เกี่ยวกับอนาคตตลาดรถยุโรป ซึ่งกำลังเผชิญกับการแข่งขันจากจีนและอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ไมเคิล โลห์เชลเลอร์ ซีอีโอของโพลสตาร์ ระบุในแถลงการณ์ว่า หาก EU ปรับลดเป้าหมายดังกล่าวจะเป็นการส่งสัญญาณว่า แรงกดดันจากภายนอกสามารถทำให้ยุโรปละทิ้งความมุ่งมั่นได้ พร้อมชี้ว่า สิ่งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ แต่ยังทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันของยุโรปด้วย
ขณะเดียวกัน มิเชียล แลงซาล ซีอีโอของ ฟาสต์เนด (Fastned) ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในยุโรป แสดงความเห็นว่า เป้าหมายปี 2578 ช่วยสร้างความชัดเจนให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและซอฟต์แวร์สำหรับรถ EV และเสริมว่า การลงทุนเหล่านี้จะคืนผลตอบแทนได้ก็ต่อเมื่ออุตสาหกรรมบรรลุเป้าหมายนี้
ทั้งนี้ รายงานล่าสุดของทีแอนด์อี (T&E) กลุ่มวิจัยด้านการขนส่ง ระบุว่า ผู้ผลิตรถยุโรปทั้งหมด ยกเว้น เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีแนวโน้มปฏิบัติตามข้อกำหนดการปล่อยคาร์บอนสำหรับปี 2568-2570 ได้ และเมอร์เซเดสต้องรวมผลการปล่อยก๊าซกับวอลโว่ คาร์ และโพลสตาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับหากไม่สามารถทำตามเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ย. 68)