นายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู ของฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในการลงมติไว้วางใจในวันจันทร์ (8 ก.ย.) เกี่ยวกับแผนงบประมาณที่ตั้งเป้าจะลดรายจ่ายเกือบ 4.4 หมื่นล้านยูโร (5.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปีเพื่อลดภาระหนี้สินของประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จากผลการลงมติที่ประกาศออกมาโดย ยาแอล โบรน-ปีแว ประธานรัฐสภาฝรั่งเศส มีเพียง 194 เสียงเท่านั้นที่เห็นชอบกับบายรูจากผู้ลงมติ 558 เสียง
ในการแถลงต่อสมาชิกสภาช่วงบ่ายวันจันทร์ก่อนการลงคะแนนเสียงนั้น บายรูเน้นย้ำว่า หนี้สาธารณะของฝรั่งเศสที่สูงเกินไปนั้นเป็น “ภัยคุกคามต่อชีวิต” ของประเทศ
ตัวเลขอย่างเป็นทางการระบุว่า หนี้สาธารณะของฝรั่งเศสอยู่ที่ 3.3458 ล้านล้านยูโร หรือคิดเป็น 114% ของ GDP เมื่อสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2568
บายรูกล่าวว่า “ความจริงจะยังคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การใช้จ่ายจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และภาระหนี้สิน ที่แต่เดิมก็มากเกินจะแบกอยู่แล้ว จะยิ่งหนักหนาขึ้นไปอีก” พร้อมเรียกร้องให้ฝรั่งเศสดำเนินการในทันที โดยเน้นย้ำว่า “มันเพียงแค่ต้องรวบรวมพลังและความพยายามอย่างพอเหมาะจากทุกคน หากจะดำเนินการให้ทันเวลา”
ทั้งนี้ มารีน เลอเปน อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค National Rally แนวขวาจัดของฝรั่งเศส เรียกร้องในการแถลงก่อนการลงมติ ให้ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่หลังจากที่บายรูพ่ายแพ้การลงมติไว้วางใจ
สำนักข่าวเอลิเซ (Elysee) ของฝรั่งเศสรายงานว่า มาครงยอมรับผลการลงมติดังกล่าว และจะพบปะกับนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรูในวันนี้ (9 ก.ย.) เพื่อยอมรับการลาออกของเขา ก่อนจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 68)
