นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กแจงที่มาของระบบ “Pool Gas เพื่อประชาชน” ซึ่งเป็นแนวคิดปรับสูตรการคิด Pool Gas ใหม่ ที่มุ่งแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพง โดยได้เสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาและเห็นชอบในหลักการแล้ว และหวังว่ารัฐบาลใหม่ จะเดินหน้าต่อเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีแหล่งก๊าซ 3 แหล่ง ได้แก่
- ก๊าซจากอ่าวไทย ซึ่งมีราคาถูก ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 210 บาท/MMbtu เราผลิตจากอ่าวได้ 50% จากความต้องการของทั้งประเทศ
- ก๊าซที่นำเข้าจากเมียนมา มีราคาแพงขึ้น ประมาณ 324 บาท/MMbtu แต่ยังพอไหว ซึ่งเรานำเข้ามาใช้อยู่ที่ 10% ของความต้องการ
- ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาแพงมาก แถมยังมีหลากหลายราคา ซึ่งราคาที่เราต้องจ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 400-500 บาท/MMbtu ซึ่งต้องนำเข้ามาถึง 40% จากปริมาณความต้องการใช้ก๊าซของทั้งประเทศ
ระบบ Pool Gas คือ นำราคาก๊าซทั้ง 3 ประเภทนี้มาเฉลี่ยราคาเข้าด้วยกัน เพื่อให้ราคาก๊าซในประเทศราคาเท่ากันทั้งหมด แต่กันเฉพาะส่วนที่จะใช้เป็นก๊าซหุงต้มสำหรับประชาชนอออกมา ที่เรียกว่า LPG
ราคาก๊าซ LPG จะยึดตามราคาก๊าซอ่าวที่แยกไว้เฉพาะ ปัจจุบันอยู่ที่ราคาประมาณ 210 บาท/MMbtu ทำให้ราคาก๊าซหุงต้มในปัจจุบันอยู่ที่ราคา 423 บาท/ถังขนาด 15 กิโลกรัม ที่เหลือเอาไปลง Pool Gas หมด รวมทั้งก๊าซจากเมียนมา ทำให้ราคา Pool Gas ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 356 บาท/MMbtu และราคานี้นำมาใช้ผลิตไฟฟ้า และใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
เหตุผลที่จัดระบบ Pool Gas แบบนี้ เพราะต้องการให้ต้นทุนราคาก๊าซที่โรงงานอุตสาหกรรมใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องจักรถูกลง แต่โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซสำหรับเครื่องจัก รมีประมาณไม่เกิน 2,000 โรงงาน ในขณะที่โรงงานทุกประเภท มีประมาณเกือบ 70,000 โรงงาน และประชาชนคนไทย มีเกือบ 70 ล้านคน ซึ่งประชาชนและโรงงานทุกแห่งต้องใช้ไฟฟ้า ไม่ได้ใช้ก๊าซมาเดินเครื่องจักร
“กลายเป็นว่า ก๊าซจาก Pool Gas สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมนั้น เอาเข้าจริงไม่ได้ขายให้โรงงานอุตสาหกรรมโดยตรง แต่ขายให้บริษัท PTT NGD แล้ว PTT NGD จะนำไปขายต่อให้โรงงานอุตสาหกรรม ไม่ใช่ในราคา Pool Gas แต่กลับนำไปขายในราคาสิงคโปร์ ส่วนต่างใครรับไปบ้าง ไปลองหากันดู ว่าใครเป็นใครในบริษัทนี้ แต่พอจะสรุปได้ว่า โรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ ถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อกินหัวคิวเท่านั้นใช่หรือไม่” นายพีระพันธุ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ระบบนี้ ยังทำให้ต้นทุนราคาก๊าซสำหรับผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น เพราะต้องใช้ราคา Pool Gas เป็นราคาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าแทนที่จะใช้ราคาก๊าซอ่าว
นายพีระพันธุ์ ระบุว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา จึงเสนอ กพช. ให้ปรับสูตรการคิด Pool Gas ใหม่ เพื่อจะนำก๊าซจากอ่าวไทยทั้งหมดที่ราคาถูกมาใช้สำหรับการผลิตไฟฟ้าเพื่อประชาชน แทนที่จะนำก๊าซส่วนนี้ไปลง Pool Gas ให้คนกินหัวคิว และเพื่อช่วยลดราคาก๊าซให้โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงงานที่มีเพียงไม่ถึง 2,000 แห่ง ในขณะที่โรงงานทั้งหมดในประเทศ และประชาชนต้องใช้ไฟฟ้า
ซึ่ง กพช. เห็นชอบ และตนได้มอบให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ทำการศึกษาเพื่อปรับสูตร Pool Gas ใหม่มาตั้งแต่ประมาณเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
โดยระบบใหม่นี้ จะนำก๊าซอ่าวทั้งหมดที่เหลือจากการแยกเป็นก๊าซหุงต้ม LPG มาใช้ผลิตไฟฟ้าในราคาก๊าซอ่าว ซึ่งจะทำให้ต้นทุนราคาไฟฟ้าถูกลงทันที แต่ก็ไม่พอ ยังต้องเอาก๊าซจากพม่าทั้งหมดมารวมด้วย และยังขาดอยู่ประมาณ 20% ส่วนนี้ต้องนำ LNG มารวมด้วย แต่ก็เพียงเล็กน้อย และถ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หาก๊าซ LNG ที่ราคาถูกมารวมเอง โดยไม่ต้องนำไปเข้าระบบ Pool Gas ก็จะไม่กระทบมากนัก เคยคำนวณดูคร่าว ๆ พบว่าราคาต้นทุนก๊าซที่จะนำมาผลิตไฟฟ้าจะลงจาก 356 บาท/MMbtu มาอยู่ที่ประมาณ 244 บาท/MMbtu ราคาค่าไฟฟ้าลงแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ระบบ Pool Gas แบบนี้ จะทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลงทั้งประเทศ แต่ค่าก๊าซของโรงงานอุตสาหกรรมจะสูงขึ้น เลยค้านสุดตัว ล่าสุดทาง สนพ. ไปหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เมื่อประมาณวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นด้วย แต่ตนบอกให้ สนพ. เดินหน้าต่อ เพราะประชาชนสำคัญกว่า โดยให้หาวิธีและรูปแบบที่ทางอุตสากรรมพอจะรับได้ ขณะนี้ ผอ.สนพ. กำลังเดินเครื่องเรื่องนี้อยู่ และนี่คือระบบ Pool Gas เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
“เสียดายที่ยังไม่ทันเสร็จ ก็หมดเวลาเสียก่อน แต่ผมมั่นใจว่านโยบายนี้ และสูตร Pool Gas ที่ผมวางรูปแบบใหม่ไว้นี้ จะเดินหน้าต่อ เพราะผมเชื่อมั่นใน สนพ.ที่มีความตั้งใจจะลดภาระค่าไฟฟ้าให้ประชาชน ดังที่ช่วยผมตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงตลอดมา และผมเชื่อว่ารัฐบาลใหม่นี้ ก็คงเห็นตรงกัน เราคงได้เห็น ระบบ POOL GAS เพื่อประชาชน จะเกิดขึ้นจริง ตามที่ผมและ สนพ.ได้ดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ” นายพีระพันธุ์ ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 68)
