เมื่อวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อ เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเดินหน้าจัดการกับศัตรูทางการเมืองของตน ซึ่งหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริงในข้อหาที่ถูกฟ้อง โคมีย์อาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี
คณะลูกขุนใหญ่มีมติสั่งฟ้องโคมีย์ใน 2 ข้อหา คือ 1) ข้อหาให้การเท็จ และ 2) ข้อหาขัดขวางการสอบสวนของรัฐสภา แต่ได้ปฏิเสธที่จะสั่งฟ้องในข้อหาที่ 3 ซึ่งเป็นข้อหาให้การเท็จต่อสภาในอีกประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559
โคมีย์ได้เผยแพร่วิดีโอแถลงการณ์ว่า เขารู้สึก “ใจสลายแทนกระทรวงยุติธรรม” แต่ยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ด้านทนายความของโคมีย์ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและกล่าวว่า พวกเขาตั้งตารอที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลต่อไป
การสั่งฟ้องครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลทรัมป์สามารถตั้งข้อหาดำเนินคดีกับคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญได้สำเร็จ หลังจากที่ทรัมป์พยายามกดดันกระทรวงยุติธรรมมานานหลายปีให้เอาผิดกับกลุ่มคนที่วิจารณ์เขา ทรัมป์ได้ฉลองข่าวดังกล่าวบนโซเชียลมีเดีย โดยโพสต์ข้อความว่า “ความยุติธรรมในอเมริกา!”
ต้นตอของคดีนี้มาจากการที่โคมีย์เคยให้การต่อรัฐสภาเมื่อปี 2563 เกี่ยวกับการสอบสวนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทีมหาเสียงของทรัมป์กับรัสเซียในอดีต โดยในคำฟ้องระบุว่า โคมีย์ได้ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงต่อสภา โดยอ้างว่าตนไม่เคยอนุญาตให้ใครเป็นแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อกับสื่อมวลชน ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบสวนของ FBI
นักวิจารณ์มองว่าการตั้งข้อหาครั้งนี้เป็นการทำลายธรรมเนียมปฏิบัติที่ป้องกันไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยก่อนหน้านี้ อัยการรัฐบาลกลางในรัฐเวอร์จิเนียที่รับผิดชอบคดีนี้ ได้ลาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากแสดงความสงสัยว่าคดีนี้มีมูลเหตุเพียงพอที่จะดำเนินคดีต่อได้หรือไม่ ด้านแหล่งข่าวระบุว่า อัยการคนอื่น ๆ ในสำนักงานก็เชื่อว่าหลักฐานในคดีนี้ค่อนข้างอ่อน
อัยการสหรัฐฯ คนใหม่ ลินด์ซีย์ ฮัลลิแกน ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในทีมทนายความส่วนตัวของทรัมป์ ได้เป็นผู้นำเสนอคดีนี้ต่อคณะลูกขุนใหญ่ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับโคมีย์เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก โดยในปี 2560 ทรัมป์ได้สั่งปลดโคมีย์ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ FBI เพียงไม่กี่วันหลังจากที่โคมีย์ยืนยันต่อสาธารณะว่า FBI กำลังสืบสวนความเชื่อมโยงระหว่างทีมหาเสียงของทรัมป์กับรัสเซีย
หลังจากถูกปลด โคมีย์ก็ได้กลายเป็นนักวิจารณ์ทรัมป์คนสำคัญ และเคยกล่าวว่า ทรัมป์ “ไม่มีคุณธรรมพอ” ที่จะเป็นประธานาธิบดี
ผลกระทบจากเรื่องนี้ยังลามไปถึงครอบครัวของโคมีย์ โดยลูกเขยของเขาซึ่งเป็นอัยการได้ตัดสินใจลาออกเพื่อประท้วงเรื่องที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ มอรีน โคมีย์ ลูกสาวคนโตของเขาก็ถูกไล่ออกจากตำแหน่งอัยการรัฐบาลกลางเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยเธอกล่าวหาว่า เหตุผลที่เธอถูกไล่ออกเป็นเพราะพ่อของเธอคือ เจมส์ โคมีย์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 68)
