บริษัทญี่ปุ่นล้มละลายสูงสุดในรอบ 12 ปี จากปัญหาขาดแคลนแรงงาน

โตเกียว โชโก รีเสิร์ช (Tokyo Shoko Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยสินเชื่อ เปิดเผยในวันนี้ (8 ต.ค.) ว่า จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. หรือครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2568 โดยมีจำนวนมากกว่า 5,100 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี เนื่องจากภาวะขาดแคลนแรงงานและต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็ก

สำนักข่าวเกียวโดรายงานข้อมูลของโตเกียว โชโก รีเสิร์ช ที่ระบุว่า จำนวนบริษัทล้มละลายด้วยหนี้สินอย่างน้อย 10 ล้านเยน (66,000 ดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 5,172 ราย นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันปีที่ 4 สำหรับช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน

รายงานระบุว่า ธุรกิจขนาดเล็กของญี่ปุ่นเผชิญกับความยากลำบากมากเป็นพิเศษ โดยบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำกว่า 10 ล้านเยน และบริษัทที่มีหนี้สินต่ำกว่า 100 ล้านเยน มีสัดส่วนกว่า 70% ของบริษัทที่ล้มละลาย

อย่างไรก็ดี หนี้สินโดยรวมของบริษัทที่ล้มละลายในช่วงดังกล่าวลดลง 49.6% สู่ระดับ 6.927 แสนล้านเยน

สำหรับกรณีการล้มละลายที่มีสาเหตุมาจากการขาดแคลนแรงงานนั้น เพิ่มขึ้นเป็น 202 ราย จาก 151 รายในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปีงบการเงิน 2556

เจ้าหน้าที่ของโตเกียว โชโก รีเสิร์ช กล่าวว่า “การขึ้นค่าจ้างเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แต่บริษัทที่ไม่มีความแข็งแกร่งทางการเงินกำลังล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถตอบสนองเงื่อนไขการจ้างงานที่ดีขึ้นที่บริษัทขนาดใหญ่เสนอได้”

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “ต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น รวมถึงอาหารและพลังงาน ซึ่งเกิดจากเงินเยนที่อ่อนค่านั้น กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาอุปสงค์ในประเทศ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร”

เมื่อแยกตามภาคส่วนอุตสาหกรรมพบว่า ภาคบริการมีจำนวนบริษัทล้มละลายสูงสุดที่ 1,762 ราย เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี รองลงมาคือภาคการก่อสร้าง ซึ่งกำลังเผชิญกับต้นทุนวัสดุที่สูงขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 68)