
ธนาคารกสิกรไทย [KBANK] มองสัปดาห์หน้า (20-24 ต.ค.68) กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนก.ย. ของไทย สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์ชัตดาวน์ของสหรัฐฯ
ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม ประกอบด้วยการประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR และข้อมูลเศรษฐกิจจีนได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนก.ย. อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของอังกฤษและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ
ในเงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา แกว่งตัวในกรอบ ก่อนอ่อนค่าท้ายสัปดาห์เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้น ๆต้นสัปดาห์ตามแรงขายสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติและแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ก่อนถ้อยแถลงของประธานเฟด อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงหลังประธานเฟดมีท่าทีกังวลต่อสัญญาณอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ
นอกจากนี้ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และสถานการณ์ชัตดาวน์ของหน่วยงานราชการสหรัฐฯก็เป็นปัจจัยลบต่อทิศทางเงินดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นในเอเชีย-
ในวันศุกร์ที่ 17 ต.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (10 ต.ค.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 14-17 ต.ค. 2568 นั้นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,186 ล้านบาทแต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 1,312 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 1,978 ล้านบาทและตราสารหนี้หมดอายุ 666 ล้านบาท)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ต.ค. 68)