
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (21 ต.ค.) ขานรับสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าเริ่มคลี่คลายลง รวมทั้งปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 49,929.81 จุด เพิ่มขึ้น 744.31 จุด หรือ +1.51%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,286.47 จุด เพิ่มขึ้น 427.64 จุด หรือ +1.65% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,910.13 จุด เพิ่มขึ้น 46.24 จุด หรือ +1.20%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.23% ส่วนดัชนี ASX/S&P 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 0.70%
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จะได้รับการเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ขณะที่หุ้นบริษัทผลิตแร่หายากของออสเตรเลียทะยานขึ้น หลังจากสหรัฐฯ และออสเตรเลียบรรลุข้อตกลงแร่สำคัญมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มอุปทานวัสดุสำคัญสำหรับภาคการป้องกันประเทศและความมั่นคงด้านพลังงาน
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า ภาษีศุลกากรในอัตราสูงถึง 100% ที่เขาขู่ว่าจะเรียกเก็บจากจีนเพิ่มเติมนั้น จะไม่มีความยั่งยืน โดยคำกล่าวของทรัมป์ส่งสัญญาณถึงการลดท่าทีอันแข็งกร้าวที่มีต่อจีน ก่อนที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ จะพบกับเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนในสัปดาห์นี้ และก่อนที่ทรัมป์จะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคซึ่งจะจัดขึ้นที่เกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 99% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค. และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 68)