จีเอสเค (GSK) ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรม ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายและกำไรสำหรับปี 2568 หลังผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาแข็งแกร่งเกินคาดการณ์ของตลาด โดยได้แรงหนุนสำคัญจากการเติบโตในระดับเลขสองหลักของกลุ่มยารักษาเอชไอวีและยามะเร็ง
ประกาศผลประกอบการรายไตรมาสครั้งนี้ยังถือเป็นการทิ้งทวนของเอ็มมา วาล์มสลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ก่อนที่ลุค มีลส์ จะเข้ารับตำแหน่งซีอีโอต่อในช่วงต้นปี 2569
บรรดานักลงทุนต่างจับตาว่า มีลส์จะนำพาบริษัทเผชิญความท้าทายทั้งมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐฯ การแข่งขันด้านราคา และการพัฒนายาใหม่ ๆ เพื่อชดเชยรายได้จากยาที่กำลังจะหมดสิทธิบัตร และวางรากฐานให้ GSK บรรลุเป้าหมายรายได้ต่อปีที่ตั้งไว้กว่า 4 หมื่นล้านปอนด์ (5.368 หมื่นล้านดอลลาร์) ภายในปี 2574 ได้หรือไม่ ขณะที่นักวิเคราะห์ยังคงมองว่ายอดขายน่าจะอยู่ที่ราว 3.4 หมื่นล้านปอนด์
ล่าสุด GSK คาดการณ์ว่ารายได้ตลอดทั้งปีจะขยายตัวในช่วง 6%-7% ส่วนกำไรหลักต่อหุ้น (Core EPS) จะเติบโต 10%-12% ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่ารายได้จะโต 3%-5% และ Core EPS โต 6%-8% ทั้งนี้ บริษัทระบุว่าตัวเลขคาดการณ์ใหม่นี้ได้คิดคำนวณรวมผลกระทบจากกำแพงภาษีที่บังคับใช้แล้ว และรวมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษี 15% ต่อสินค้ายุโรปเข้าไปด้วย
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. บริษัทมี Core EPS 55 เพนซ์ จากยอดขาย 8.55 พันล้านปอนด์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 47.1 เพนซ์ และยอดขาย 8.24 พันล้านปอนด์ ขณะที่รายได้จากธุรกิจในสหรัฐฯ เติบโต 7% (เมื่อคำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนคงที่) มาอยู่ที่ 4.55 พันล้านปอนด์
อย่างไรก็ดี GSK รายงานว่า ยอดขายวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด “ชิงกริกซ์” (Shingrix) ในไตรมาสล่าสุดกลับลดลงถึง 15% โดย GSK ชี้แจงว่าเป็นผลจากอัตราการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนและจูงใจได้ยากนั้นชะลอตัวลง
สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนโยบายในสหรัฐฯ โดยโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีสาธารณสุข ได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านวัคซีนถึงขนาดตัดงบประมาณวิจัย ทั้งยังสั่งปลดผู้บริหารศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้คำแนะนำเรื่องวัคซีนแก่ประชาชนอีกด้วย
ถึงกระนั้น ยอดขายรวมของธุรกิจวัคซีนโดยรวมในไตรมาสนี้ยังคงแข็งแกร่งที่ 2.68 พันล้านปอนด์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.55 พันล้านปอนด์ โดย GSK ยังคงประมาณการรายได้กลุ่มวัคซีนสำหรับปี 2568 ไว้ตามเดิม คือคาดว่าจะลดลงในอัตราเปอร์เซ็นต์เลขหลักเดียวระดับต่ำหรือไม่ก็คงที่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)
