แทนซาเนียตกอยู่ในภาวะชะงักงันและถูกตัดขาดการสื่อสารในวันนี้ (30 ต.ค.) หนึ่งวันหลังการเลือกตั้งทั่วไปแปรสภาพเป็นความโกลาหลรุนแรง มีการปะทะเดือดระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ และมีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศเคอร์ฟิว สั่งให้ประชาชนอยู่บ้าน และตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ
ชนวนเหตุของความรุนแรงปะทุขึ้นเมื่อวันพุธ (29 ต.ค.) ระหว่างการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี สมาชิกรัฐสภา และเจ้าหน้าที่สำหรับเขตกึ่งปกครองตนเองแซนซิบาร์ ความโกรธแค้นของประชาชนถูกจุดชนวนจากการที่ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนสำคัญ 2 รายของประธานาธิบดีซาเมีย ซูลูฮู ฮัสซัน ถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน ประกอบกับข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลได้ทวีความรุนแรงในการปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง
ผู้ประท้วงหลายร้อยคนได้ออกมาบนท้องถนนใน ดาร์-เอส-ซาลาม เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และอีกหลายเมืองสำคัญ จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีรายงานการเผาอาคารสำนักงานราชการท้องถิ่น และภาพที่ไม่ได้รับการยืนยันในโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นว่าตำรวจใช้กระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม
เพื่อควบคุมสถานการณ์ ทางการได้ออกประกาศกลางดึกให้ข้าราชการทำงานจากที่บ้าน และให้นักเรียนนักศึกษาเรียนทางออนไลน์ในวันพฤหัสบดี ขณะที่บรรยากาศในดาร์-เอส-ซาลามช่วงเช้ายังคงเงียบสงบ แต่เต็มไปด้วยการวางกำลังทหารและตำรวจอย่างแน่นหนา พร้อมการตั้งจุดตรวจทั่วเมือง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของประธานาธิบดีฮัสซันยังคงปิดปากเงียบ และสื่อท้องถิ่นที่ถูกควบคุมอย่างหนักก็ไม่มีการรายงานถึงเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว แหล่งข่าวทางการทูตรายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า มีรายงานที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรงสูงถึง 30 ราย
พรรคฝ่ายค้านหลักอย่าง CHADEMA ซึ่งถูกตัดสิทธิ์จากการเลือกตั้งไปเมื่อเดือนเม.ย. ได้ออกมาประณามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับ “พิธีราชาภิเษก” ของปธน.ฮัสซัน โดยผู้นำพรรคอย่างทันดู ลิสซู กำลังเผชิญการพิจารณาคดีในข้อหากบฏซึ่งอาจมีโทษถึงประหารชีวิต ขณะที่ผู้สมัครอีกรายจากพรรค ACT-Wazalendo ก็ถูกตัดสิทธิ์ด้วยเหตุผลทางเทคนิค
แม้ปธน.ฮัสซันจะเคยได้รับเสียงชื่นชมหลังเข้ารับตำแหน่งในปี 2564 จากการก้าวขึ้นมาจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีหลังการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ ปธน.จอห์น มากูฟูลี แต่ความหวังดังกล่าวได้เลือนหายไป เมื่อกลุ่มสิทธิมนุษยชนและฝ่ายค้านกล่าวหาว่า รัฐบาลฮัสซันอยู่เบื้องหลัง “คลื่นแห่งความหวาดกลัว” ซึ่งรวมถึงการบังคับบุคคลให้สูญหาย การทรมาน และการสังหารนักเคลื่อนไหวและผู้เห็นต่างนอกกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 68)
