ซูเฮล อัล-มาซรูอี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) คาดการณ์ ณ การประชุมพลังงาน ADIPEC ที่กรุงอาบูดาบี ในวันนี้ (3 พ.ย.) ว่า อุปสงค์น้ำมันโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศว่าจะระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาส 1/2569
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 พ.ย.) สมาชิกทั้ง 8 ประเทศของกลุ่มโอเปกพลัส ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่ปรับเพิ่มในเดือนต.ค.และเดือนพ.ย. แต่โอเปกพลัสได้ตัดสินใจระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาส 1/2569 ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสเริ่มชะลอแผนการทวงคืนส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
มาซรูอีกล่าวว่า โอเปกพลัสกำลังพยายามสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาด แต่ภาคพลังงานยังคงต้องการการลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และศูนย์ข้อมูลมีความต้องการใช้พลังงานในปริมาณมาก
“ความต้องการใช้พลังงานกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ… และเราต้องสร้างหลักประกันว่าสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจจะเอื้ออำนวยต่อการลงทุน” มาซรูอีกล่าว
สุลต่าน อัล จาเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC) กล่าวว่า ความผันผวนได้กลายเป็นสภาวะปกติของตลาดไปแล้ว อันเนื่องมาจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนในระยะสั้น อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงกว่า 100 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงหลังปี 2583
อัล จาเบอร์ เน้นย้ำว่า การรักษาวินัยด้านต้นทุนจำเป็นต้องดำเนินควบคู่ไปกับการลงทุนในสินทรัพย์ โดยอุปสงค์ไฟฟ้าจะทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2583 ตามการขยายตัวของศูนย์ข้อมูล แต่ภาวะขาดแคลนกังหันก๊าซกำลังทำให้อุปทานที่ตึงตัวอยู่แล้วกลับกลายเป็น “ภาวะคอขวด” ซึ่งส่งผลให้ราคาไฟฟ้าถีบตัวสูงขึ้น ขณะที่ภาคพลังงานจำเป็นต้องได้รับการลงทุนกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อให้ครอบคลุมการพัฒนาทั้งโครงข่ายไฟฟ้า ศูนย์ข้อมูล และแหล่งพลังงานทุกประเภท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 68)
