
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (3 พ.ย.) ว่า สหรัฐฯ เตรียมยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ภายในไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อขอให้มีการคว่ำบาตรเรือ 7 ลำที่ต้องสงสัยว่าละเมิดมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ หลังส่งสัญญาณมานานหลายเดือน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าเหตุใดจึงเลือกดำเนินการในช่วงเวลานี้
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า เรือทั้ง 7 ลำได้ลักลอบส่งออกถ่านหินและแร่เหล็กของเกาหลีเหนือไปยังจีนซึ่งเป็นแหล่งรายได้ดั้งเดิมของรัฐบาลเกาหลีเหนือที่มีมูลค่า 200-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของ UNSC ที่รวมถึงการห้ามการส่งออกสินค้าของเกาหลีเหนือ ซึ่งได้แก่ ถ่านหิน แร่เหล็ก ตะกั่ว สิ่งทอ และอาหารทะเล และการกำหนดเพดานสำหรับการนำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่น
เจ้าหน้าที่ระบุว่า “การเสนอรายชื่อเรือเหล่านี้ไม่ใช่แค่การดำเนินการตามขั้นตอนทางราชการเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการสร้างความรับผิดชอบต่อการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของ UN และการหยุดยั้งการส่งออกที่เป็นการระดมทุนโดยตรงให้กับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ”
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศ ดำเนินการโดยยึดหลักฉันทามติ และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า รัสเซียและจีนซึ่งเป็นพันธมิตรกับเกาหลีเหนือจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ โดยคณะผู้แทนถาวรของรัสเซียและจีนประจำ UN ในนครนิวยอร์กยังไม่ได้ตอบกลับการขอความเห็นในทันที
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรของ UN จากโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธมาตั้งแต่ปี 2549 แม้ว่ามาตรการเหล่านี้จะได้รับการยกระดับความเข้มงวดอย่างเป็นเอกฉันท์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันคณะมนตรีฯ กำลังเผชิญกับภาวะชะงักงัน เนื่องจากจีนและรัสเซียพยายามผลักดันให้มีการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร เพื่อจูงใจให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า หากไม่มีบทลงโทษสำหรับการละเมิด มาตรการคว่ำบาตรก็จะหมดความหมาย และภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น โครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 68)
								




