
Z.ai สตาร์ตอัปปัญญาประดิษฐ์ (AI) สัญชาติจีน เผยถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในตลาดต่างประเทศ โดยจำนวนผู้ใช้งานแบบชำระค่าบริการในต่างแดนเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของบริการ AI จีนในตลาดโลก
หลี่ จื่อซวน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการทั่วโลกของ Z.ai หรือที่ใช้ชื่อว่า Zhipu AI ในตลาดจีน เปิดเผยกับเซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ว่า บริษัทมีผู้ใช้งาน API (Application Programming Interface) รายเดือนประมาณ 100,000 ราย และผู้ใช้แชตบอตแบบฟรีในต่างประเทศอีก 3 ล้านราย หลังจากการเปิดตัวโมเดลเรือธงตัวใหม่ล่าสุดอย่าง GLM-4.6
“เราต้องการเติบโตในทุกตลาด เพราะการเติบโตในต่างประเทศกำลังแซงหน้าการเติบโตในประเทศ” หลี่ จื่อซวนกล่าว
“GLM-4.6” โมเดลใหม่ ชูจุดแข็งเขียนโค้ด
Z.ai ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง ได้เปิดตัวโมเดล GLM-4.6 ในช่วงปลายเดือนกันยายน เพื่อเสริมสร้างตำแหน่งของบริษัทในตลาดการเขียนโค้ดด้วย AI ที่มีการแข่งขันสูง โมเดลดังกล่าวถูกเรียกว่าเป็น โมเดลแบบเปิดที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับการเขียนโค้ด และถูกผนวกรวมอย่างรวดเร็วเข้ากับเครื่องมือเขียนโค้ด AI ยอดนิยมอย่าง Claude Code จาก Anthropic
หลี่ จื่อซวน ระบุว่า GLM-4.6 เป็น “ตัวพลิกเกม” สำหรับการทำธุรกิจของ Z.ai ในตลาดต่างประเทศ
ตามรายงานจาก Kilo Code ซึ่งเป็นเครื่องมือเขียนโค้ดอีกรายหนึ่ง ระบุว่า GLM-4.6 ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์บนแพลตฟอร์ม เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในสหรัฐฯ โดยปริมาณการใช้งานโทเคนสำหรับโมเดลนี้เพิ่มขึ้นถึง 94 เท่า ภายใน 12 วัน
รายงานระบุว่า โมเดล GLM-4.6 มีความสามารถในการจดจำและประมวลผลข้อมูลในการสนทนาต่อเนื่อง (Context Window) ได้ยาวถึง 200,000 โทเคน และมีค่าใช้จ่ายบนแพลตฟอร์ม OpenRouter ที่ถูกกว่า Claude Sonnet 4.5 ของ Anthropic อย่างมาก โดยคิดค่าบริการที่ 6 แสนดอลลาร์ต่อ 1 ล้านโทเคนสำหรับข้อมูลเข้า และ 2 ล้านดอลลาร์ต่อ 1 ล้านโทเคนสำหรับข้อมูลออก
อย่างไรก็ตาม Z.ai ยอมรับว่า แม้ GLM-4.6 จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดลรุ่นก่อนหน้าอย่าง GLM-4.5 แต่ก็ยังตามหลัง Claude Sonnet 4.5 ของ Anthropic ในการวัดเกณฑ์มาตรฐานการเขียนโค้ด
ทั้งนี้ Z.ai ก่อตั้งขึ้นในปี 2562 โดยคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยชิงหวา และกำลังเตรียมการสำหรับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก (IPO) ในประเทศจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 68)
								




