
พรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะครั้งสำคัญในการเลือกตั้ง 3 สนามหลักเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง และเป็นบทพิสูจน์ปฏิกิริยาของชาวอเมริกันต่อการบริหารประเทศของทรัมป์ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ชัยชนะครั้งนี้ยังถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังพรรครีพับลิกันก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะมีขึ้นในปี 2569
รายงานข่าวระบุว่า ชัยชนะของพรรคเดโมแครตมีดังนี้
นครนิวยอร์ก: โซห์ราน มัมดานี นักการเมืองแนวสังคมนิยมประชาธิปไตยวัย 34 ปี สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี
รัฐเวอร์จิเนีย: อบิเกล สแปนเบอร์เกอร์ นักการเมืองสายกลางวัย 46 ปี ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ
รัฐนิวเจอร์ซีย์: ไมกี เชอร์เริลล์ นักการเมืองสายกลางวัย 53 ปี คว้าชัยในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐเช่นกัน
หลังทราบผลการเลือกตั้ง มัมดานีกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าผู้สนับสนุนว่า “ถ้าจะมีใครที่สามารถชี้นำชาติซึ่งถูกโดนัลด์ ทรัมป์ หักหลัง ให้รู้วิธีเอาชนะเขาได้ ก็คือมหานครที่ให้กำเนิดเขาขึ้นมา และถ้าจะมีหนทางใดที่สร้างความหวาดหวั่นให้แก่ผู้นำเผด็จการได้ นั่นก็คือการรื้อถอนเงื่อนไขที่เอื้อให้เขาสั่งสมอำนาจ ดังนั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ในเมื่อผมรู้ว่าคุณกำลังรับชมอยู่ ผมมีเพียงสี่คำจะฝากถึงคุณ ‘เร่งเสียงขึ้นอีก'”
การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นมาตรวัดความนิยมของปธน.ทรัมป์ และเป็นบททดสอบกลยุทธ์ที่แตกต่างกันของพรรคเดโมแครต โดยผู้สมัครทั้ง 3 รายต่างชูประเด็นเศรษฐกิจและค่าครองชีพเป็นหลัก แต่สแปนเบอร์เกอร์และเชอร์เริลล์ซึ่งเป็นสายกลางได้เน้นการผูกโยงคู่แข่งเข้ากับความวุ่นวายในการบริหารของปธน.ทรัมป์ ขณะที่มัมดานีใช้วิธีหาเสียงแบบนักการเมืองม้ามืดหัวก้าวหน้า
ด้านพรรครีพับลิกันได้ส่งสัญญาณว่าจะนำชัยชนะของมัมดานีมาใช้โจมตี โดยปธน.ทรัมป์ได้กล่าวหาว่าเขาเป็น “คอมมิวนิสต์” และขู่จะตัดงบประมาณสนับสนุนนครนิวยอร์กเพื่อเป็นการตอบโต้
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เองยังมีส่วนช่วยให้ผู้สมัครเดโมแครตในเวอร์จิเนียและนิวเจอร์ซีย์ได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งจากการขู่เลิกจ้างข้าราชการของรัฐบาลกลาง ซึ่งกระทบต่อชาวเวอร์จิเนียจำนวนมาก และการสั่งอายัดงบประมาณโครงการอุโมงค์รถไฟใต้แม่น้ำฮัดสัน ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของรัฐนิวเจอร์ซีย์
สำหรับพรรครีพับลิกัน ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการระดมผู้สนับสนุนของทรัมป์ให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเมื่อไม่มีชื่อของเขาอยู่บนบัตรลงคะแนน ขณะที่ผู้สมัครจากรีพับลิกันในรัฐที่เป็นฐานเสียงเดโมแครตต้องตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างการเอาใจฐานเสียงของทรัมป์กับการดึงดูดคะแนนจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งสายกลาง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 68)





