
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม [KLINIQ] กล่าวว่า การย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขยายฐานนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบัน และกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มองเห็นศักยภาพของธุรกิจความงามระดับพรีเมียมของไทย ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ
KLINIQ คงเน้นการขยายการเติบโตภายในประเทศเป็นหลัก ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการติดตามทิศทางเศรษฐกิจและการตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับกำลังซื้อในประเทศ สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ KLINIQ ดำเนินกลยุทธ์การตลาดตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ด้วยจุดแข็งด้านแบรนด์ การบริการ และเทคโนโลยีความงามครบวงจร
สำหรับเป้าหมายสำคัญของ KLINIQ ในการเป็นบริษัทมหาชน คือการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง พร้อมจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เมื่อ 7 พ.ย.65 กระทั่งย้ายเข้า SET วันนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน (65-67) รายได้รวม 1,647.20 ล้านบาท, 2,318.35 ล้านบาท และ 3,008.95 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ 205.49 ล้านบาท, 288.62 ล้านบาท และ 322.19 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้รวมเติบโต 82.67% ขณะที่กำไรเติบโต 56.79%
แผนการดำเนินงานระยะ 3 ปีข้างหน้า (69-71) KLINIQ ตั้งเป้ามีสาขาครบ 100 สาขารวมทุกแบรนด์ และรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 15% หรือมีรายได้รวมมากกว่า 5,000 ล้านบาท แบรนด์ในเครือ ประกอบด้วย THE KLINIQUE, L.A.B.X, L’CLINIC, KLINIQ WELLNESS SPA และ THE KLINIQUE SURGERY CENTER ซึ่งเป็นศูนย์ศัลยกรรมครบวงจรและมีแผนการขยายเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมในอนาคต
“การย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาด SET เป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการสร้างพื้นฐานธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล และศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ KLINIQ ก้าวสู่ความยั่งยืน พร้อมรักษามาตรฐานความเป็นผู้นำธุรกิจความงามในประเทศไทย” นายแพทย์อภิรุจ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 68)





