
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกขึ้นในวันนี้ (6 พ.ย.) โดยดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงแรงติดต่อกันสองวันซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ขณะที่นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังราคาปรับฐานจากความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับสูงเกินจริง
ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 50,768.89 จุด เพิ่มขึ้น 556.62 จุด หรือ +1.11%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,361.40 จุด เพิ่มขึ้น 425.99 จุด หรือ +1.64% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 4,004.25 จุด เพิ่มขึ้น 35.00 จุด หรือ +0.88%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1.5% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 0.28%
หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับสัญชาติจีนอย่าง วีไรด์ (WeRide) และ โพนี.เอไอ (Pony.ai) ร่วงลงกว่า 12% และเกือบ 8% ตามลำดับในการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยหุ้นทั้งสองบริษัทจดทะเบียนซื้อขายอยู่ในสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
ตามเอกสารที่ยื่นต่อตลาดระบุว่า Pony.ai สามารถระดมทุนได้รวม 6.7 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการเสนอขายหุ้น IPO ขณะที่ WeRide ระดมทุนได้ 2.4 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง
ตลาดหุ้นเอเชียโดยรวมปรับตัวตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ฟื้นตัวขึ้นในวันพุธ โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐฯ
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 42,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 22,000 ตำแหน่ง หลังจากลดลง 29,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการดีดตัวขึ้นแตะระดับ 52.4 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.8 จากระดับ 50 ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐฯ ได้แสดงความสงสัยต่อความชอบด้วยกฎหมายของภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเก็บจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดมีความหวังว่า ศาลฎีกาอาจมีคำสั่งให้เพิกถอนมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของทรัมป์
ทั้งนี้ ผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐฯ ได้ขึ้นบัลลังก์พิจารณาคดีในวันพุธ เพื่อชี้ชะตาว่าการที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรจากประเทศทั่วโลกนั้น เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) หรือไม่ โดยในการพิจารณาคดีดังกล่าว ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้แสดงความสงสัยต่อความชอบด้วยกฎหมายของภาษีศุลกากรที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากปธน.ทรัมป์แล้ว ยังไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดใช้กฎหมาย IEEPA เพื่อกำหนดภาษีแบบนี้มาก่อน
แม้ว่าศาลฎีกายังไม่ได้ประกาศคำตัดสินในวันพุธ แต่การตั้งข้อสงสัยดังกล่าวทำให้ตลาดมีความหวังว่า ศาลฎีกาอาจมีคำสั่งให้เพิกถอนมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของทรัมป์ในท้ายที่สุด ทั้งนี้ กระบวนการพิจารณาอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน เนื่องจากประเด็นต่าง ๆ มีความซับซ้อนสูง และคาดว่าอย่างช้าที่สุด ศาลจะมีคำวินิจฉัยภายในสิ้นเดือนมิ.ย. 2569
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 68)





