ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (12 พ.ย.) ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร (11 พ.ย.) ขานรับความหวังว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ใกล้จะยุติลง
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 50,988.53 จุด เพิ่มขึ้น 145.60 จุด หรือ +0.29% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,754.93 จุด เพิ่มขึ้น 58.52 จุด หรือ +0.22% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,996.56 จุด ลดลง 6.20 จุด หรือ -0.15%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.60% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.13%
วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และขณะนี้ได้ส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยหากสภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว ก็จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
ทอม เอมเมอร์ ประธานวิปจากพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏรเปิดเผยว่า สภาผู้แทนฯ จะเปิดสมัยประชุมในวันนี้ (12 พ.ย.) และคาดว่าจะมีการลงมติอย่างเร็วที่สุดในเวลา 16.00 น. หรือตรงกับเวลา 04.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 13 พ.ย.ตามเวลาไทย
หุ้นซอฟต์แบงก์ (SoftBank Group) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของญี่ปุ่น ร่วงลงรุนแรงถึง 10% ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากบริษัทขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ มูลค่า 5.83 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากซอฟต์แบงก์ต้องการทุ่มเงินลงทุนแบบหมดหน้าตักในบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) ผู้ผลิตแชตบอต ChatGPT
ทั้งนี้ ซอฟต์แบงก์ระบุว่า บริษัทขายหุ้นอินวิเดียจำนวน 32.1 ล้านหุ้นในเดือนต.ค. รวมทั้งขายหุ้นบางส่วนในบริษัทที-โมบาย (T-Mobile) มูลค่า 9.17 พันล้านดอลลาร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 68)
