
กระทรวงการต่างประเทศจีนเปิดเผยในวันนี้ (14 พ.ย.) ว่า ได้เรียกตัว เคนจิ คานาสุกิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกรุงปักกิ่งเข้าพบ และเรียกร้องให้ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงของญี่ปุ่น ถอนคำพูดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะใช้สิทธิป้องกันตนเองร่วมในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินกับไต้หวัน
ตามรายงานของสถานทูตญี่ปุ่น คานาสุกิชี้แจงจุดยืนของญี่ปุ่นในประเด็นดังกล่าว ระหว่างพบกับซุน เว่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนเมื่อวันพฤหัสบดี (13 พ.ย.)
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 พ.ย.) ทาคาอิจิได้กล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่า การโจมตีทางทหารของจีนต่อไต้หวันอาจเป็น “สถานการณ์ที่คุกคามความอยู่รอด” สำหรับญี่ปุ่น ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้สิทธิป้องกันตนเองร่วม (collective self-defense)
ถ้อยแถลงของนายกฯ ญี่ปุ่นเกี่ยวกับไต้หวันได้จุดชนวนให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านอย่างรุนแรงจากรัฐบาลปักกิ่ง โดยเสวีย เจี้ยน กงสุลใหญ่จีน ณ นครโอซากา ได้โพสต์ข้อความข่มขู่บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันเสาร์ว่า จะ “ตัดคอสกปรกทิ้งโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว” ก่อนที่โพสต์ดังกล่าวจะถูกลบออกไป
นอกจากนี้ คานาสุกิยังแสดงความไม่พอใจอย่างหนักต่อโพสต์ของเสวีย โดยระบุว่า “ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” และเรียกร้องให้จีนดำเนินการแก้ไขตามที่เหมาะสม
ทั้งนี้ จีนและไต้หวันปกครองแยกจากกันนับตั้งแต่ที่ทั้งสองฝ่ายถูกแบ่งแยกโดยสงครามกลางเมืองเมื่อปีพ.ศ. 2492 โดยจีนมองว่า ไต้หวันเป็นมณฑลที่แยกตัวออกไป และจะถูกรวมเข้ากับแผ่นดินใหญ่ด้วยการใช้กำลังหากจำเป็น นอกจากนี้ จีนยังมองว่าประเด็นเกี่ยวกับไต้หวันเป็น “กิจการภายใน” ของจีน และไม่ยอมให้ต่างชาติเข้าแทรกแซงอย่างเด็ดขาด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 68)





