กลุ่มประเทศ 20 ให้คำมั่นในการประชุมสุดยอดว่า จะจัดการกับมาตรการการค้าเพียงฝ่ายเดียวที่ไม่สอดคล้องกับกฎขององค์การการค้าโลก ซึ่งดูเหมือนเป็นการท้าทายนโยบายด้านภาษีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำหนด ซึ่งการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐไม่ได้เข้าร่วมการประชุมแต่อย่างใด
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การที่ทรัมป์ไม่ได้เข้าร่วมประชุมและสหรัฐอเมริกาไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลเข้าร่วมการประชุมด้วยเช่นกัน การประชุมสุดยอดครั้งนี้จึงดำเนินการไปด้วยขั้นตอนที่แตกต่างไปจากเดิม ด้วยการรับรองปฏิญญาผู้นำตั้งแต่ต้นการประชุม
ทรัมป์ได้เพิกเฉยต่อกรอบการทำงานดังกล่าวมาโดยตลอด ในขณะที่ดำเนินการตามนโยบายอเมริกาต้องมาก่อน ส่งผลให้แนวคิดพหุภาคีนิยมพังทลาย ขณะเดียวกันก็อ้างว่า เกษตรกรผิวขาวในแอฟริกาใต้ถูกทารุณ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่แอฟริกาใต้ได้ออกมาปฏิเสธ
ปฏิญญาซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ยังมีประเด็นความกังวลต่อความไม่แน่นอนและการแตกแยกทางเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น และยืนยันว่า การขู่หรือการใช้กำลังเพื่อการยึดครองดินแดนเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง
“เราเน้นย้ำความเชื่อในเรื่องความร่วมมือพหุภาคี เพื่อจัดการกับความท้าทายที่มีร่วมกัน” ปฏิญญาระบุ
แอฟริกาใต้ซึ่งเป็นประธานการประชุมสุดยอด G20 เป็นครั้งแรก แสวงหาความร่วมมือในประเด็นต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและหนี้สินในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของกลุ่มเป็นครั้งแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ 1 เดือน หวังที่จะเน้นย้ำถึงความสำคัญของระเบียบระหว่างประเทศที่อิงกฎเกณฑ์และความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับประเทศกำลังพัฒนาที่รู้จักกันโดยรวมว่า Global South
การเปิดตัวที่การประชุม G20 ของนายกฯญี่ปุ่นเกิดขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ที่เลวร้ายลงระหว่างญี่ปุ่นและจีน หลังจากที่เธอได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับไต้หวัน ซึ่งจีนระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 68)
