รัฐบาลมาเลเซียประกาศแผนห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้งานโซเชียลมีเดีย โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2569 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปกป้องเด็กจากภัยออนไลน์ ตามกระแสความตื่นตัวของนานาชาติ
ฟะฮ์มี ฟัดซิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารของมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (23 พ.ย.) ว่า รัฐบาลกำลังทบทวนกลไกการจำกัดอายุผู้ใช้งาน โดยถอดแบบมาจากมาตรการของออสเตรเลียและประเทศอื่น ๆ เพื่อปกป้องเยาวชนจากปัญหาการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ การหลอกลวงทางการเงิน และการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก
ฟะฮ์มีระบุว่า ภายในปีหน้าผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเปิดบัญชีผู้ใช้ โดยคาดหวังให้มีการใช้ระบบยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ซึ่งผู้ใช้ต้องยืนยันอายุผ่านเอกสารราชการ เช่น บัตรประชาชน (MyKad), หนังสือเดินทาง หรือ MyDigital ID
“เราหวังว่าภายในปีหน้านี้ บรรดาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ จะยอมปฏิบัติตามมติของรัฐบาล ในการห้ามไม่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี เข้ามาเปิดบัญชีผู้ใช้งาน” ฟะฮ์มีกล่าวกับผู้สื่อข่าว ตามที่ปรากฏในภาพข่าววิดีโอของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น “เดอะสตาร์” (The Star) ได้โพสต์ลงออนไลน์
ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติความปลอดภัยออนไลน์ (Online Safety Act) ฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. และเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลทั่วโลกเกี่ยวกับผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อสุขภาพจิตเด็ก โดยในสหรัฐฯ แพลตฟอร์มใหญ่ทั้ง TikTok, Google และ Meta (เจ้าของ Facebook, Instagram, WhatsApp) กำลังเผชิญการฟ้องร้องในประเด็นดังกล่าว
สถานการณ์ในต่างประเทศขณะนี้ ออสเตรเลียเตรียมระงับบัญชีผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปีในเดือนหน้า ส่วนประเทศในยุโรปอย่างฝรั่งเศสและสเปนกำลังทดสอบระบบยืนยันอายุ ในขณะที่อินโดนีเซียเน้นมาตรการกรองเนื้อหาเชิงลบมากกว่าการจำกัดอายุโดยตรง
ทั้งนี้ รัฐบาลมาเลเซียได้เพิ่มความเข้มงวดกับบริษัทโซเชียลมีเดียมาอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการกับเนื้อหาที่เป็นภัย ทั้งการพนันออนไลน์ และเนื้อหาที่กระทบต่อเชื้อชาติ ศาสนา และสถาบันกษัตริย์ โดยกำหนดให้แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานในมาเลเซียเกิน 8 ล้านคน ต้องขอใบอนุญาตตามกฎระเบียบใหม่ที่เริ่มใช้เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 68)
