อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยว่า อินเทล คอร์ป (Intel Corp) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ จะอัดฉีดเงินลงทุนเพิ่ม 860 ล้านริงกิต (ราว 208 ล้านดอลลาร์) เพื่อผลักดันมาเลเซียให้เป็นฐานการประกอบและทดสอบชิปหลักของบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อันวาร์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การตัดสินใจลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างการหารือกับ หลิบบู้ ตั๋น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอินเทล เมื่อวันจันทร์ (1 ธ.ค.) พร้อมย้ำว่าบริษัทมีความเชื่อมั่นต่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวของมาเลเซีย
รายงานระบุว่า อินเทลมีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในประเทศอยู่แล้ว รวมถึงโรงงานแพ็กเกจจิ้งขั้นสูงมูลค่า 1.2 หมื่นล้านริงกิตในรัฐปีนัง ซึ่งสร้างเสร็จไปกว่า 99% ทั้งนี้ ในปี 2564 อินเทลเคยประกาศลงทุน 7 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างไซต์ผลิตแห่งใหม่ในปีนังเช่นกัน
ปัจจุบัน มาเลเซียครองส่วนแบ่งราว 13% ของตลาดโลกด้านการประกอบและทดสอบชิป และคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 40% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของประเทศ โดยรัฐบาลมาเลเซียพยายามเสริมบทบาทในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์โลก ขณะที่ประเทศมหาอำนาจต่างเร่งสร้างฐานผลิตชิปของตนเอง
ด้านสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงผลักดันนโยบายเสริมสร้างห่วงโซ่ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ครบวงจรในประเทศ พร้อมกระตุ้นให้บริษัทสัญชาติอเมริกันขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ แม้ต้นทุนการผลิตในเอเชียจะต่ำกว่ามากก็ตาม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 68)
