
สำนักงานศุลกากรของจีน (GAC) เปิดเผยในวันนี้ (8 ต.ค.) ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.8% และฟื้นตัวหลังจากที่ปรับตัวลง 1.1% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2567
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกของจีนดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ย. มาจากการที่กลุ่มผู้ผลิตเร่งจัดส่งสินค้าในสต็อก หลังจากผู้นำจีนกับสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกัน
อย่างไรก็ดี ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียง 1.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3% แม้ว่ารัฐบาลจีนให้คำมั่นสัญญาจะเพิ่มการนำเข้าและเดินหน้าสร้างสมดุลทางการค้า ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เป็นวงกว้างต่อการที่จีนรุกการส่งออก
ทั้งนี้ ยอดส่งออกที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเกินคาดส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าสูงถึง 1.12 แสนล้านดอลลาร์
ยอดส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง 29% ซึ่งเป็นการลดลงในอัตราเลขสองหลักติดต่อกันเดือนที่ 8 และลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีนี้ ส่วนยอดส่งออกไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เช่น สหภาพยุโรป ลาตินอเมริกา และแอฟริกา ดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการลดลงของยอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ
ส่วนในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ยอดส่งออกโดยรวมของจีนเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 0.6% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในช่วง 11 เดือนแรกอยู่ที่ 1.076 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21.6%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 68)





