นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า นายบวรศักดิ์ อุวรรณโน รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วว่า รัฐบาลรักษาการไม่สามารถดำเนินการโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เฟส 2 ได้
ส่วนกรณีที่นางมนพร เจริญศรี อดีต รมช.คมนาคม แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า โครงการเงิน 10,000 บาทถูกตีตก เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยเปลี่ยนงบไปใช้กับโครงการคนละครึ่ง ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ถือเป็นการกล่าวที่ไม่รับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายที่รัฐบาลชุดก่อนได้หาเสียงไว้
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ถ้ากลับไปดูมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ค.68 นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ลงมาแถลงข่าวด้วยตนเองว่า โครงการเงิน 10,000 บาทต้องชะลอไปก่อน เนื่องจากเหตุผลต่าง ๆ โครงการเงิน 10,000 บาท มีความจำเป็นน้อยกว่าการไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และหากจำได้ ขณะนั้นใช้ระยะเวลาปรับเปลี่ยนโครงการ 1.5 แสนล้านบาท ในเวลาเพียงไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งทุกอย่างเร่งรีบ เพราะให้เหตุผลว่า โครงการเงิน 10,000 บาท มีความจำเป็นน้อยกว่าโครงการเหล่านั้น ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้โครงการเงิน 10,000 บาทเฟสนั้นไม่สามารถดำเนินการต่อได้ และเมื่อรัฐบาลนี้ได้เป็นรัฐบาลแล้ว ก็ไม่มีงบประมาณที่ถูกจัดสรรไว้ในโครงการเงิน 10,000 บาท
ขณะที่โครงการคนละครึ่ง พลัส เป็นการนำงบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้ และหากเทียบกับเม็ดเงินจะเห็นได้ว่าแตกต่างกันมาก เพราะโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ใช้เม็ดเงิน 40,000 กว่าล้านบาท แต่โครงการเงิน 10,000 บาทในแต่ละเฟส ใช้มากกว่า 100,000 ล้านบาท
“หลักคิดก็ต่างกัน ของเรากระตุ้นสั้นได้ผลยาว กระจายตัว แต่ที่ฟังชาวบ้านพูดมาว่า โครงการที่แล้ว (เงินหมื่น) กระตุ้นสั้น แต่ซึมยาว” นายสิริพงศ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 68)
