
ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีคำวินิจฉัยในวันอังคาร (23 ธ.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มิได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตตามกฎหมายในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 100,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับการยื่นคำร้องขอวีซ่า H-1B ใหม่ โดยคำตัดสินดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของฝ่ายบริหาร แต่เป็นความพ่ายแพ้ของภาคธุรกิจ ซึ่งต้องแบกรับต้นทุนการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้น
ผู้พิพากษาเบริล เอ. ฮาวเวลล์ แห่งศาลแขวงสหรัฐฯ ประจำเขตโคลัมเบียระบุว่า “ไม่ว่าข้อโต้แย้งและความกังวลของฝ่ายโจทก์จะมีน้ำหนักมากเพียงใดก็ตาม การพิจารณาคดีนี้มุ่งเน้นไปที่อำนาจตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย มิใช่นโยบายทางเศรษฐกิจ”
“รัฐสภาได้มอบอำนาจตามกฎหมายในวงกว้างให้แก่ประธานาธิบดี ซึ่งท่านได้ใช้อำนาจดังกล่าวในการออกประกาศเพื่อแก้ไขปัญหาที่ท่านมองว่าเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ โดยใช้ดุลพินิจตามที่ท่านเห็นสมควร” ผู้พิพากษาระบุ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในประกาศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการยื่นคำร้องขอวีซ่า H-1B ใหม่ เป็น 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องพึ่งพาบุคลากรต่างชาติในตำแหน่งงานสำคัญ
หอการค้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจราว 300,000 แห่ง และสมาคมมหาวิทยาลัยอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยด้านการวิจัย 69 แห่ง ได้ยื่นฟ้องคัดค้านคำสั่งดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ นำโดยรัฐแคลิฟอร์เนียและแมสซาชูเซตส์ ก็ได้ยื่นฟ้องเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 68)




