
กร็อก (Groq) บริษัทสตาร์ตอัปดาวรุ่ง ได้เปิดเผยผ่านบล็อกโพสต์เมื่อวันพุธ (24 ธ.ค.) ว่า อินวิเดีย (Nvidia) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมชิปโลก ได้ตกลงซื้อสิทธิการใช้งานเทคโนโลยีชิป (Licensing) ของกร็อกแบบไม่ผูกขาด (Non-exclusive license) พร้อมทั้งดึงตัวโจนาธาน รอสส์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของกร็อก ซึ่งเป็นอดีตลูกหม้อผู้ร่วมบุกเบิกโครงการชิป AI ของกูเกิล (Google) รวมถึงซันนี มาดรา ประธานบริษัท และสมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมวิศวกรไปร่วมงานกับอินวิเดีย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่นิยมทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีและบุคลากรจากสตาร์ตอัป โดยหยุดอยู่เพียงแค่การเป็นพันธมิตรและหลีกเลี่ยงการเข้าซื้อกิจการอย่างเป็นทางการ เพื่อเลี่ยงปัญหาข้อกฎหมายป้องกันการผูกขาด
กร็อกถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชิปสำหรับการประมวลผล หรือ “Inference” ซึ่งเป็นขั้นตอนที่โมเดล AI ที่ผ่านการฝึกฝนแล้วตอบสนองต่อคำขอของผู้ใช้งาน โดยปัจจุบันแม้อินวิเดียจะเป็นเจ้าตลาดในด้านการฝึกฝนโมเดล AI แต่ในตลาด Inference นั้น อินวิเดียกำลังเผชิญกับการท้าทายจากคู่แข่งอย่างเอเอ็มดี (AMD) รวมถึงสตาร์ตอัปอย่างกร็อกและเซเรบราส ซิสเต็มส์ (Cerebras Systems)
แม้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางการเงินของดีลไลเซนส์นี้ แต่ซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า อินวิเดียได้ตกลงเข้าซื้อกิจการกร็อกด้วยเงินสดมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบริษัทยังไม่ได้ให้ความเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว โดยกร็อกระบุในบล็อกโพสต์ว่า บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปในฐานะบริษัทอิสระ ภายใต้การนำของ ไซมอน เอ็ดเวิร์ดส์ ซีอีโอคนใหม่ และจะให้บริการธุรกิจคลาวด์ตามปกติ
ด้านสเตซี รัสกอน นักวิเคราะห์จากเบิร์นสไตน์ (Bernstein) ระบุว่า “ความเสี่ยงหลักของดีลนี้คือกฎหมายป้องกันการผูกขาด แม้การทำสัญญาในรูปแบบการซื้อไลเซนส์แบบไม่ผูกขาดจะช่วยรักษาภาพลักษณ์ของการแข่งขันไว้ได้ก็ตาม (แต่เราสันนิษฐานว่าในทางปฏิบัติคือการโยกย้ายผู้นำและทีมงานฝ่ายเทคนิคไปยังอินวิเดีย)”
นอกจากนี้ รัสกอนยังตั้งข้อสังเกตว่า เจนเซน หวง ซีอีโอของอินวิเดีย ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มากที่สุดในบรรดากลุ่มบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ธ.ค. 68)





