นักลงทุนต่างชาติแห่เข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลไทยในปริมาณสูงสุดในรอบ 6 เดือนก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ ซึ่งช่วยให้เงินบาทผงาดขึ้นเป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียในเดือนพ.ค.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างข้อมูลอย่างเป็นทางการของไทยซึ่งระบุว่า นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อพันธบัตรของไทยมูลค่า 747 ล้านดอลลาร์ในวันอังคาร (9 พ.ค.) ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 และส่งผลให้ยอดรวมการซื้อพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาตินับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.จนถึงวันที่ 9 พ.ค.พุ่งขึ้นเป็น 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินบาทแข็งแกร่งมากที่สุดในเอเชียในเดือนนี้ด้วย
นอกจากนี้ การที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวขึ้นหลังจากจีนเปิดประเทศนั้น ยังช่วยดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าสู่ไทยและเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยในเดือนมี.ค.มีมากกว่า 2.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.5 ล้านคนในเดือนต.ค. 2565 ขณะที่หน่วยงานของรัฐบาลไทยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านคนในเดือนนี้
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเชิงสถิติในอดีตที่ผ่านมา คาดว่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้ผ่านพ้นไป โดยหากมองย้อนไปในช่วงการเลือกตั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมาและการทำรัฐประหาร 2 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2548 เงินบาทแข็งค่าขึ้นโดยเฉลี่ย 1.2% ภายในระยะเวลา 1 เดือนหลังจากวันเลือกตั้ง ซึ่งทำให้เงินบาททำผลงานโดดเด่นสุดในดัชนีค่าเงินเอเชียในช่วงเวลาดังกล่าว
คริสโตเฟอร์ หว่อง นักยุทธศาสตร์ด้านปริวรรตเงินตราต่างประเทศของธนาคารโอเวอร์ซี-ไชนีส แบงกิ้ง คอร์ปในสิงคโปร์กล่าวว่า นอกจากนี้แล้ว เงินบาทยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลงซึ่งเป็นประโยชน์กับกลุ่มผู้นำเข้าน้ำมัน ขณะเดียวกันเงินบาทยังได้ปัจจัยบวกจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอาจจะแตะระดับสูงสุดแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 66)
Tags: คริสโตเฟอร์ หว่อง, นักลงทุนต่างชาติ, พันธบัตร, พันธบัตรรัฐบาล