ไทย-ฟิลิปปินส์ พร้อมร่วมมือทวิภาคี หนุนลงทุนอาหาร-พลังงาน-ท่องเที่ยว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับนายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์ (H.E. Mr. Ferdinand Romualdez Marcos Jr.) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยยืนยันว่า ไทยพร้อมสนับสนุนการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของฟิลิปปินส์ในปีหน้า

โดยทั้งสองฝ่าย ได้หารือในประเด็นความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน ดังนี้

– ด้านการค้าและการลงทุน ไทย-ฟิลิปปินส์ ต้องการเพิ่มปริมาณการค้าให้มีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งในปี 67 ฟิลิปปินส์เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 5 ของไทยในอาเซียน ด้วยมูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ภาคเอกชนไทยหลายราย ให้ความสนใจเข้าไปลงทุนในฟิลิปปินส์ อาทิ บริษัท Shera ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างไฟเบอร์ซีเมนต์ของไทย ได้ตั้งโรงงานในฟิลิปปินส์ และจะเริ่มการผลิตในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวชื่นชมความร่วมมือไทย-ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งการส่งเสริมความแข็งแกร่งของอาเซียน และความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะภาคเอกชน ยังมีบทบาทผลักดันการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งฟิลิปปินส์พร้อมต้อนรับการลงทุนของภาคเอกชนไทย

– ด้านความมั่นคงทางอาหาร ไทยมีความสามารถด้านการเกษตร และประสงค์ส่งออกผลผลิตทางการเกษตรของไทยไปยังฟิลิปปินส์มากขึ้น โดยเสนอให้ รมว.พาณิชย์ ของทั้ง 2 ประเทศ ศึกษาความเป็นไปได้ในการค้าข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) พร้อมผลักดันให้ 2 ประเทศเริ่มดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือด้านการขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค ระหว่างองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ Food Terminal Incorporated (FTI) สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ที่ได้ลงนามกันไปแล้ว

– ด้านความมั่นคงทางพลังงาน ไทยสนใจที่จะเพิ่มการทำงานร่วมกับฟิลิปปินส์ด้านพลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งภาคเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนในฟิลิปปินส์ รวมทั้งความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI รวมทั้งความร่วมมือด้านการศึกษา ซึ่งฟิลิปปินส์เองมีความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมการศึกษา และพร้อมที่จะให้ความสนับสนุนไทยในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ

– ด้านการท่องเที่ยว ไทย-ฟิลิปปินส์ ร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพร่วมกัน อาทิ การทำการตลาดร่วมกัน รวมไปถึงฟิลิปปินส์ต้องการเรียนรู้ประสบการณ์ และทักษะด้านการท่องเที่ยวจากไทยด้วย

นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือด้านการปราบปรามขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งมีทั้งคนไทย และฟิลิปปินส์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงออนไลน์ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ขอบคุณที่ไทยช่วยอำนวยความสะดวกชาวฟิลิปปินส์ในเมียวดี กลับประเทศผ่านทางไทยด้วย

นายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ยังได้หารือถึงสถานการณ์การค้าโลกที่มีความท้าทาย และไม่แน่นอนจากการขึ้นภาษีนำเข้าฝ่ายเดียวของสหรัฐ ฯ ในระดับสูง ทำให้ยิ่งเห็นถึงความจำเป็น และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่จะต้องเร่งกระชับความร่วมมือภายในอาเซียนในเข้มแข็งขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ค. 68)

Tags: ,
Back to Top