เนทันยาฮูลั่น! ปฏิบัติการถล่มอิหร่านอาจถึงขั้นเปลี่ยนระบอบการปกครองเตหะราน

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์ (15 มิ.ย.) ว่า ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในอิหร่านได้ในท้ายที่สุด โดยย้ำว่าอิสราเอลพร้อมทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อขจัด “ภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของชาติ” ที่มาจากรัฐบาลเตหะราน

ความตึงเครียดปะทุขึ้นหลังอิสราเอลเปิด “ปฏิบัติการสิงโตผงาด” (Operation Rising Lion) ด้วยการจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัวเมื่อวันศุกร์ (13 มิ.ย.) จนสามารถสังหารคณะผู้บัญชาการทหารระดับสูงสุดของอิหร่าน และสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ โดยอิสราเอลประกาศจะยกระดับปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อิหร่านประกาศจะ “เปิดประตูนรก” เพื่อเอาคืนอย่างสาสม

ก่อนหน้านี้ กองทัพอิสราเอลได้แถลงว่าวัตถุประสงค์ปัจจุบันของปฏิบัติการ มิใช่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง แต่มุ่งเน้นการทำลายศักยภาพด้านนิวเคลียร์และโครงการขีปนาวุธของอิหร่าน

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามในรายการ “Special Report” ว่าการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหารหรือไม่ เนทันยาฮูตอบว่า “มันอาจเป็นผลที่ตามมาได้อย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลอิหร่านนั้นอ่อนแอมาก”

“เราเตรียมพร้อมที่จะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสองประการของเรา นั่นคือการกำจัดภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของชาติ 2 อย่าง ได้แก่ ภัยคุกคามจากนิวเคลียร์และขีปนาวุธ” เนทันยาฮูกล่าวในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรก ๆ นับตั้งแต่เปิดฉากโจมตี

“เราลงมือปฏิบัติการ ไม่ใช่แค่เพื่อปกป้องตัวเอง แต่ผมคิดว่ายังเป็นการปกป้องโลกจากระบอบการปกครองที่พร้อมจะจุดไฟเผาโลกนี้ด้วย เราจะปล่อยให้ระบอบที่อันตรายที่สุดในโลก มีอาวุธที่อันตรายที่สุดในโลกไม่ได้”

อิสราเอลประเมินว่าปฏิบัติการอาจดำเนินไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และเนทันยาฮูได้เรียกร้องอย่างเปิดเผยให้ประชาชนชาวอิหร่านลุกขึ้นต่อต้านคณะผู้ปกครองรัฐอิสลามของตน

สถานการณ์ในภูมิภาคทวีความตึงเครียดสู่จุดใหม่ หลังทั้งสองฝ่ายเปิดฉากโจมตีตอบโต้กันระลอกล่าสุดในช่วงข้ามคืนวันอาทิตย์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และสร้างความกังวลว่าความขัดแย้งอาจขยายวงกว้าง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า สงครามนี้สามารถยุติลงได้ง่าย ๆ แต่ได้เตือนรัฐบาลเตหะรานอย่างชัดเจนว่า หากการตอบโต้ขยายวงมาถึงเป้าหมายของสหรัฐฯ อิหร่านจะต้องเผชิญกับแสนยานุภาพเต็มพิกัด

เมื่อถูกถามถึงรายงานของสำนักรอยเตอร์ที่ระบุว่า ปธน.ทรัมป์ยับยั้งแผนการของอิสราเอลที่จะลอบสังหารอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เนทันยาฮูปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าว แต่ยืนยันว่าได้แจ้งให้ผู้นำสหรัฐฯ ทราบล่วงหน้าก่อนการโจมตี

เหตุปะทะกันครั้งนี้ส่งผลโดยตรงให้การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์รอบล่าสุดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ ต้องถูกยกเลิก หลังอิหร่านประกาศจุดยืนว่าจะไม่เจรจาตราบใดที่ยังถูกอิสราเอลโจมตี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มิ.ย. 68)