
นายเฟเบียน โบเดนสไตเนอร์ กรรมการผู้จัดการ องค์กร World Foundation กล่าวว่า บริษัท Tools for Humanity (TFH) ผู้พัฒนาระบบ World ซึ่งเป็นระบบพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ในยุค AI ได้จับมือกับ 2 พันธมิตรหลัก คือ ศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลและการเงินของประเทศไทย (TIDC) และบมจ.เอ็ม วิชั่น [MVP] จัดงาน World Day 2025 ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมประกาศเปิดตัวความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ 11 พันธมิตรครอบคลุมหลากหลายกลุ่มธุรกิจภายใต้แนวคิด “World – building trust in the Age of AI”
World คือเครือข่ายยืนยันความเป็นมนุษย์ในยุค AI ให้แต่ละบุคคล พัฒนาโดย นายอเล็กซ์ บลาเนีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tools For Humanity และนายแซม อัลท์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI ซึ่งสร้างขึ้นโดย Tools For Humanity โดยมีพันธกิจในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ ช่วยให้ทุกคนสามารถแสดงสถานะว่าเป็นบุคคลจริงไม่ใช่บอตบนโลกออนไลน์
นายภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ทำการแซงหน้าเทคโนโลยีการยืนยันตนว่าเป็นมนุษย์บนโลกอินเตอร์เน็ต หรือ CAPTCHA ไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าทำให้ CAPTCHA ยากกว่านี้ ก็คงยากเกินไปคนทั่วไป World มีความสำคัญต่อโลกยุค AI
World ใช้เทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof (ZKP) ที่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลนั้นเป็นมนุษย์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลอื่น เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล หรือเพศ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ใช้อย่างสูงสุด และปัจจุบัน World ได้ยืนยันความเป็นมนุษย์ของผู้ใช้งานแล้วกว่า 27.4 ล้านคนในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
พันธมิตรที่จะร่วมมือกัน ประกอบด้วย บมจ.คอมเซเว่น [COM7], บริษัท เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป (JIB), บจม.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT), บริษัท อิมแพค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ (IMPACT), บ.อินเตอร์เน็ตมาร์เก็ตติ่ง (Pantip), บ. โกโกลุก (Whoscall), บ. อีวีพี คอร์ปเปอร์เรชั่น (Eventpop), บ. Zentry รวมถึง Bitazza Thailand, BINANCE TH และ Bitkub ซึ่งจะร่วมมือกันมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีของ World เพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเสริมสร้างการเติบโตของระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งมีความเชื่อมโยงต่อระบบนิเวศ (Ecosystem) ของ World
World ประเทศไทยได้วางเป้าหมายสำคัญไว้ 3 ด้าน
1. ขยายเครือข่าย Orb ทั่วประเทศไทย
Orb คืออุปกรณ์ล้ำสมัยที่สแกนดวงตาและใบหน้าของบุคคลเพื่อสร้างหลักฐานดิจิทัลยืนยันความเป็นมนุษย์ แบบที่ไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียดส่วนบุคคลและมีความปลอดภัยสูง
ในปี 2568 จะมี Orb กว่า 1,000 จุดทั่วประเทศ จากการร่วมมือกับ COM7 ผู้ให้บริการร้าน BaNaNa, JIB ร้านค้าปลีกสินค้าไอทีที่มีชื่อเสียงของไทย, บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) และ IMPACT ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชีย จะส่งเสริมให้ World ขยายการเข้าถึงบริการยืนยันความเป็นมนุษย์ผ่าน Orb ได้ทุกภูมิภาค
ณ ปัจจุบัน มีผู้ใช้งานทำการยืนยันความเป็นมนุษย์แล้วประมาณ 6,000 คนต่อวัน ผ่านอุปกรณ์ Orb ที่ติดตั้งไว้ 58 แห่งทั่วประเทศ
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อิมแพคฯ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดงานอีเว้นท์และคอนเสิร์ต ได้พบปัญหาจากเรื่องตั๋วปลอมหน้างานเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็เป็นปัญหาสืบเนื่องจากการใช้บอตแย่งซื้อตั๋วจนลูกค้าไม่สามารถซื้อกับผู้จัดจำหน่ายโดยตรงได้เอง ซึ่งก่อนหน้านี้อิมแพคก็มีการติดตั้ง Orb ในร้านอาหารภายใต้การบริหาร แต่พบว่ามีผู้คนเข้ามาใช้งานจำนวนมาก จนต้องถอดออกไปก่อน โดยตอนนี้ก็วางแผนกระจายจุดติดตั้ง Orb อย่างจริงจริง เพื่อผู้ใช้งานภายนอก และผู้อยู่อาศัยในเมืองทองธานีประมาณ 3 แสนคน
2. ปลดล็อกศักยภาพของ World ID ในประเทศไทย
World ID คือหลักฐานดิจิทัลยืนยันความเป็นมนุษย์ โดย World ID กำลังถูกนำไปใช้เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์มชั้นนำของไทย เพื่อยกระดับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในโลกดิจิทัล ได้แก่
- เว็บบอร์ด Pantip เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในชุมชนออนไลน์ด้วยการยืนยันผู้ใชังานจริง และป้องกันบอตไม่ให้กระจายสแปมหรือชี้นำการสนทนา
นายอภิศิลป์ ตรุงกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บ.อินเตอร์เน็ตมาร์เก็ตติ้ง ผู้ให้บริการเว็บ Pantip กล่าวว่า เว็บไซต์พบปัญหาด้านสแปมที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่การโฆษณาเว็บพนันออนไลน์ จนไปถึงการส่งข้อความส่วนตัวไปหาสมาชิกเป็นหมื่นคน โดยทีมงานก็ได้แก้ปัญหานี้มาตลอด และการร่วมมือกับ World ก็จะเป็นก้าวต่อไป โดยผู้ที่ใช้ World ID ก็คาดว่าจะรับสิทธิประโยชน์บางอย่าง เช่น การเพิ่มการมองเห็นให้กับคอมเมนต์
- แอปพลิเคชั่นป้องกันสแกมเมอร์ Whoscall (บ. โกโกลุก) ด้วยการยืนยันว่าเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อมต่อกับ World ID เป็นบุคคลจริง เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้งานในระบบการคัดกรอง
นายกชศร ใจแจ่ม กรรมการผู้จัดการ บ. โกโกลุก กล่าวว่า เจอปัญหาเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใชัหลอกหลวงพัฒนาตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ จึงสนใจร่วมมือกับ World เมื่อทราบว่าการยืนยันตัวของ World ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ จากที่เมื่อก่อน มีเพียงแค่องค์กรต่าง ๆ ที่จะสามารถมาขึ้นทะเบียนกับ Whoscall ได้เพื่อจะได้รับการยืนยันไวท์ลิสต์ (Whitelisting) แต่ด้วยบริการของ World บุคคลทั่วไปก็จะสามารถได้รับการยืนยันแบบเดียวกันได้แล้ว หลังพิสูจน์ตัวว่าเป็นคนจริง ๆ
- แพลตฟอร์มจองตั๋ว Eventpop เพื่อป้องกันไม่ให้บอตกว้านซื้อตั๋วคอนเสิร์ต ช่วยให้ผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์จริงๆ สามารถเข้าถึงกิจกรรมได้อย่างเป็นธรรม
นายฐิติพงศ์ อัศรัสกร Executive Vice President of Business Operations บ. อีวีพี คอร์ปเปอร์เรชั่น ผู้ให้บริการ Eventpop เปิดเผยว่า ปัญหาตั๋วคอนเสิร์ตหมดเป็นปัญหาใหญ่ ไม่อยากให้ลูกค้าต้องมาชิงแย่งตั๋วกับ AI หรือแม้กระทั่งผู้ที่ใช้อุปกรณ์หลายเครื่องเพื่อจะนำตั๋วไปขายต่อ การที่ทุกคนได้ใช้ World ID เพียงบัญชีเดียว (Universal ID) ก็จะเข้ามาลดปัญหาตั๋วไม่เพียงพอได้
- แพลตฟอร์มเกม Zentry ผู้พัฒนาเกม Ragnarok Landverse จะได้นำเทคโนโลยีเข้าไปใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้บอตภายในเกม
นายจรินทร ฐิตะดิลก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ. Zentry กล่าวว่า เกมกับบอต AI เป็นปัญหาที่อยู่คู่กันมาช้านาน โดยผู้เล่นจะรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะไม่สามารถสู้กับ AI ที่เล่นเกมได้ทั้งวันทั้งคืนและรู้วิธีที่จะเอาชนะได้ตลอด ดังนั้นเกมก็จะไม่สนุกทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในฐานะสื่อบันเทิง โดยมั่นใจว่า World จะเป็นทางออกที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมเกมออนไลน์
3. ก้าวสู่การใช้ World Chain ในยุค AI
World Chain คือ บล็อกเชนตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการยืนยันความเป็นมนุษย์ในประเทศไทย World ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ ได้แก่ Bitazza Thailand, BINANCE TH และ Bitkub เพื่อร่วมกันสำรวจแนวทางใหม่ ๆ ในการนำการยืนยันตัวตนของมนุษย์ไปประยุกต์ใช้จริงในระบบนิเวศคริปโต
โดยนายธนวัต สุตันติวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ. บิทาซซ่า ได้เปิดเผยว่า แพล็ตฟอร์มได้ลิสต์โทเคน Worldcoin ไปเมื่อปี 2023 ตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของ World และมองเห็นถึงความสำคัญของการยืนยันความเป็นมนุษย์ในยุคที่ AI มีอยู่ทุกมุมบนอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ยังรวมถึงการประเมินยอดเอนเกจสำหรับโซเชียลมีเดียที่บริษัทได้ทำอยู่เช่นกัน โดยหลายครั้ง ไม่สามารถใช้คอมเมนท์หรือผลโพลได้ถึงครึ่งด้วยซ้ำจากปัญหาบอตและสแปม เมื่อได้มีการใช้ World ID ก็จะทำให้ข้อมูลที่รับและผลวิเคราะห์มีความถูกต้องมากขึ้น
นางสาวแทนรัก เชียงทอง ประธานเจ้าหน้าที่ทางการตลาด บ. ไบแนนซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า นอกเหนือจากเทคโนโลยีการทำธุรกิจต่าง ๆ ที่จะลื่นไหลมากขึ้นด้วย World ID แล้ว ยังมีเรื่องการส่งเสริมอิสระภาพในการแสดงออกจากความเป็นส่วนตัวด้วย เนื่องจาก World ID ที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ แต่ทางองค์กรก็ยังสามารถยืนยันว่าความเห็นนั้นมาจากมนุษย์จริง ๆ ได้อยู่
ในโลกที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถลอกเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ World ID จึงมอบเกราะดิจิทัลชั้นใหม่ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของตนเองได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ด้วยเทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof (ZKP) และ Anonymized Multi-Party Computation เป็นหัวใจสำคัญ
นายภัคพล เปิดเผยว่า World ได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้แล้ว โดยก่อนเปิดตัวได้ปรึกษากับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ในเรื่องกฏหมาย PDPA และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ในด้านข้อมูลส่วนบุคคลทางดิจิทัล และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ที่กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่ World ได้มีส่วน ทั้งหมดนี้ ยืนยันว่าไม่มีปัญหาทางกฎหมายแน่นอน
“World ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเสริมพลังให้กับมนุษย์ในยุค AI ด้วยวิธีที่เชื่อถือได้เพื่อสร้างความไว้วางใจในโลกออนไลน์และเพื่อให้มนุษย์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของความก้าวหน้าทางดิจิทัล เราต้องการให้เทคโนโลยีนี้เป็นเหมือนโล่ปกป้องภัยจาก AI ซึ่ง World ไม่ได้รู้ว่าคุณคือใคร แต่รู้เพียงว่าคุณเป็นมนุษย์คนหนึ่ง” นายภัคพล กล่าว
ในปี 68 World ก็ได้ร่วมมือกับ DTC Group วางแผนจัดงาน World Hackathon เพื่อขับเคลื่อนผู้พัฒนาแอพชาวไทยทั่วประเทศสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นบนแพลตฟอร์ม World App และเพื่อเรียนรู้ถึงจุดอ่อนจุดแข็งของ World ID ในการใช้งานจริง โดยผู้ที่เข้าร่วมที่น่าสนใจก็จะได้รับทุนสนับสนุนจาก MVP ในการสร้างแอปพลิเคชั่นต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 68)