ข่าวดี! “คุณสู้ เราช่วย” เล็งขยายเวลา-ปรับเกณฑ์ ค้างชำระ 1 วันขึ้นไปร่วมมาตรการได้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ยืนยันว่า มีแนวโน้มที่รัฐบาลจะพิจารณาขยายเวลาลงทะเบียน “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ออกไปจากปัจจุบันที่โครงการจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.68 ส่วนจะขยายออกไปถึงเมื่อไรนั้น จะมีการชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และ SMEs ที่ยังต้องการความช่วยเหลือในการจัดการภาระหนี้สินในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวได้เต็มที่

นอกจากนี้ จะมีการปรับเกณฑ์และขยายเกณฑ์ของ “โครงการคุณสู้ เราช่วย” เพื่อให้ครอบคลุมความช่วยเหลือได้มากขึ้น โดยขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังเร่งสรุปรายละเอียดความเหมาะสมในมิติต่าง ๆ หลังจากนั้น จะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

รมช.คลัง กล่าวว่า ในเบื้องต้นจะมีการขยายเกณฑ์คุณสมบัติลูกหนี้ของมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” จากเดิมที่ต้องค้างชำระเกิน 30 วันขึ้นไป โดยจะปรับเป็นลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระ 1 วันขึ้นไป และเคยปรับโครงสร้างหนี้ ให้สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมมาตรการได้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน จะมีการปรับเงื่อนไขมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” จากเดิมที่ภาระหนี้เสียต้องไม่เกิน 5,000 บาท โดยจะปรับเป็น หนี้เสียแบบไม่มีหลักประกัน ภาระหนี้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี และหนี้เสียแบบมีหลักประกัน ภาระหนี้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ธปท. ได้เคยขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วม “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.68 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.68 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด และมีความไม่แน่นอนสูง โดยยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังคงให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง

จ่อชงครม. เร็วสุดสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินสัปดาห์หน้า

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง คาดว่า ในประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) หรืออย่างช้าสุดในการประชุม ครม.สัปดาห์หน้า (1 ก.ค.) กระทรวงการคลัง จะการเสนอการปรับเงื่อนไขโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อให้ครอบคลุมแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ได้มากขึ้น

ทั้งนี้ การปรับเงื่อนไขดังกล่าว จะครอบคลุมไปถึงลูกหนี้ที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อบัญชี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 3 ล้านกว่าบัญชี วงเงินราว 1.23 แสนล้านบาท คิดเป็น 65-66% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทั้งหมด 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งหากสามารถแก้ไขในส่วนนี้ได้ ก็เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้ NPL หรือหนี้ครัวเรือนในระบบ ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ และจะช่วยให้ลูกหนี้ไม่ต้องมีประวัติเครดิตบูโร ซึ่งจะช่วยทำให้สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“คาดว่าจะเสนอ ครม. ได้อย่างเร็วที่สุด คือพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) ส่วนอย่างช้าสุด คือสัปดาห์หน้า เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบคลุมลูกหนี้มากยิ่งขึ้น” นายพิชัย ระบุ

ผุดไอเดียรถกระบะเก่า แลกรถใหม่

รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง จะหารือกับนอนแบงก์ เพื่อหาแนวทางให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้สินเชื่อรถยนต์ ซึ่งไม่เพียงเป็นการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย โดยแนวคิดเบื้องต้น คือ ให้สามารถนำรถกระบะที่มีอายุ 20-25 ปี ซึ่งปล่อยมลพิษสูงมาเข้าร่วมมาตรการนี้ เพื่อให้เจ้าของรถกระบะเก่าสามารถซื้อรถใหม่ได้ โดยใช้อัตราภาษีที่ดึงดูดใจ โดยจะมีกลไกของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันเงินกู้ใหม่

“แนวคิดง่าย ๆ เลย ก็เหมือนการนำรถกระบะเก่ามาแลกรถคันใหม่ โดยตั้งภาษีที่ดึงดูดใจ ซึ่งเมื่อเราดึงรถเก่าเข้ามาได้ ก็จะขายรถใหม่ออกไปได้ ส่วนภาษีเก็บน้อยลงหน่อย เหมือนเป็นการแลก ตรงนี้ นอกจากช่วยประชาชนแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย” นายพิชัย กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)