ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวนในวันนี้ (1 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบมาตการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะมีต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เมื่อการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวเป็นเวลา 90 วันจะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 ก.ค.นี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 40,081.61 จุด ลดลง 405.78 จุด หรือ -1.00% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,451.69 จุด เพิ่มขึ้น 7.27 จุด หรือ +0.21%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 1.41% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียทรงตัว ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันก่อตั้งเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
นักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้า ขณะที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เตือนว่าประเทศต่าง ๆ จะยังคงเผชิญกับการถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงขึ้นในวันที่ 9 ก.ค. แม้ประเทศเหล่านี้กำลังพยายามเจรจาต่อรอง ส่วนความเป็นไปได้ที่จะมีการขยายเวลาการผ่อนปรนมาตรการภาษีนั้น จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของปธน.ทรัมป์
ไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอล (Caixin/S&P Global) เปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนปรับตัวขึ้นแตะระดับ 50.4 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 48.3 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนกลับมาขยายตัวอีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดสั่งซื้อใหม่
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ (ทังกัน) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 13 ในไตรมาส 2/2568 จากระดับ 12 ในไตรมาสแรก โดยได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมเหล็กที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนีทังกันซึ่งเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่นของบริษัทต่าง ๆ ในภาคการผลิต เช่น บริษัทในอุตสาหกรรมรถยนต์และบริษัทเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสองไตรมาส และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 10
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 68)
