ทอม บาร์รัก เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำตุรกีเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ค.) ว่า อิสราเอลและซีเรียได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยมีตุรกี จอร์แดน และประเทศเพื่อนบ้านให้การสนับสนุน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ (16 ก.ค.) อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศในกรุงดามัสกัส และถล่มกองกำลังรัฐบาลทางตอนใต้ของซีเรีย พร้อมเรียกร้องให้ถอนกำลัง โดยให้เหตุผลว่าอิสราเอลต้องการปกป้องชาวดรูซ (Druze) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยขนาดเล็กแต่มีอิทธิพลในซีเรีย และมีชนกลุ่มนี้อยู่ในทั้งเลบานอนและอิสราเอล
บาร์รักโพสต์บน X ว่า “เราขอเรียกร้องให้ชาวดรูซ เบดูอิน และซุนนี วางอาวุธ และร่วมมือกับชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ เพื่อสร้างอัตลักษณ์ซีเรียใหม่ที่เป็นหนึ่งเดียว”
ขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลในกรุงวอชิงตัน และสถานกงสุลซีเรียในแคนาดา ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวนี้
การประกาศหยุดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ พยายามอย่างหนักเพื่อยุติความขัดแย้ง โดยเมื่อวันพุธ (16 ก.ค.) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ได้มีการตกลงกันในหลายขั้นตอนเพื่อยุติสถานการณ์ที่เขาเรียกว่า “น่ากังวลและน่าสะพรึงกลัว”
ทั้งนี้ การหยุดยิงมีขึ้นหลังสถานการณ์ความรุนแรงในเมืองสเวดา (Sweida) เริ่มคลี่คลาย เมื่อกองทัพรัฐบาลซีเรียถอนกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ค. 68)
