ตำรวจฮ่องกงระบุย้ำว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเป็นอาชญากรรมร้ายแรงซึ่งมีผลบังคับใช้ข้ามพรมแดน พร้อมกระตุ้นให้ผู้ที่ถูกออกหมายจับกลับมามอบตัว โดยให้คำมั่นว่าผู้ที่ยุติการกระทำผิด ยอมจำนน หรือให้ข้อมูลสำคัญซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายคดี อาจได้รับโทษเบาลง ตำรวจยังเตือนว่า การให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือจัดหาเงินทุนแก่ผู้ที่เข้าร่วมองค์กร “รัฐสภาฮ่องกง” (Hong Kong Parliament) อาจเข้าข่ายเป็นความผิดอาญาเช่นกัน
ด้านอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ร่วมผ่านรัฐมนตรีมหาดไทยและรัฐมนตรีต่างประเทศ ประณามการดำเนินคดีครั้งนี้ว่าเป็น “ตัวอย่างของการกดขี่ข้ามพรมแดน” พร้อมย้ำว่าจะไม่ยอมให้รัฐบาลต่างชาติข่มขู่ คุกคาม หรือทำร้ายผู้วิจารณ์ที่พำนักในต่างประเทศ โดยระบุว่า การกระทำของฮ่องกงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในเวทีโลก ขณะที่สถานทูตจีนประจำสหราชอาณาจักรตอบโต้ทันทีว่า คำวิจารณ์ของรัฐบาลอังกฤษถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง และเรียกร้องให้อังกฤษยุติท่าทีแบบอาณานิคม หยุดแทรกแซงกิจการฮ่องกง รวมทั้งเลิกปกป้องอาชญากร
ตำรวจความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกงประกาศเมื่อวันศุกร์ (25 ก.ค.) ว่า ได้ออกหมายจับนักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงในต่างประเทศ 19 คนในข้อหาล้มล้างอำนาจรัฐตามกฎหมายความมั่นคง โดยถือเป็นจำนวนผู้ถูกหมายจับมากที่สุดนับตั้งแต่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2563
ในจำนวนนี้ มีผู้ที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้แล้ว 4 คน ได้แก่ เอลเมอร์ หยวน นักธุรกิจ, วิคเตอร์ โฮ นักวิจารณ์การเมือง รวมถึงนักเคลื่อนไหว จอห์นนี ฟก และ โทนี ชอย โดยทั้งหมดมีค่าหัวคนละ 1 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (127,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ส่วนอีก 15 คนที่เหลือ ตำรวจตั้งค่าหัวคนละ 200,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (25,480 ดอลลาร์สหรัฐ)
นักเคลื่อนไหวกลุ่มนี้ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนจัดตั้งหรือเข้าร่วม “รัฐสภาฮ่องกง” ซึ่งทางการระบุว่าเป็นองค์กรที่มีเป้าหมายล้มล้างอำนาจรัฐ ผลักดันการกำหนดชะตาตนเอง และร่าง “รัฐธรรมนูญฮ่องกง” โดยตำรวจยืนยันว่าองค์กรดังกล่าวพยายามโค่นล้มรัฐบาลจีนและรัฐบาลฮ่องกงด้วยวิธีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยขณะนี้การสอบสวนยังดำเนินต่อไป และอาจมีการออกหมายจับเพิ่มอีก
ฮ่องกงซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ถูกส่งคืนให้จีนในปี 2540 ภายใต้หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งรับประกันสิทธิเสรีภาพบางประการ เช่น เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์หลายฝ่ายมองว่ากฎหมายความมั่นคงถูกนำมาใช้เพื่อปราบปรามเสียงวิจารณ์ ขณะที่ทางการจีนและฮ่องกงย้ำว่ากฎหมายดังกล่าวมีความจำเป็นต่อการฟื้นฟูเสถียรภาพ หลังการประท้วงต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงและจีนที่ยืดเยื้อและรุนแรงในปี 2562
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 68)
