
คณะรัฐมนตรีของไต้หวันมีกำหนดจัดแถลงข่าวภายในวันนี้ (21 ส.ค.) เพื่อเปิดเผยรายละเอียดของงบประมาณด้านการป้องกันประเทศสำหรับปีหน้า
งบประมาณดังกล่าวรวมถึงเงินทุนสำหรับหน่วยยามฝั่ง (Coast Guard), ทหารผ่านศึก และโครงการพิเศษต่าง ๆ
สำนักข่าวกลางของไต้หวัน (CNA) รายงานว่า แผนงบประมาณกลาโหมปีหน้าอยู่ที่ 9.495 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน (3.127 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็น 3.32% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ด้านกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (19 ส.ค.) โดยยืนกรานว่า ไต้หวันจำต้องพึ่งพาตนเองในด้านความมั่นคงของชาติ ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อ้างว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้แจ้งกับทรัมป์ว่า จีนจะไม่นำกำลังทหารบุกไต้หวัน ตราบใดที่ทรัมป์ยังอยู่ในตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ
เซียว กวง-เหว่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ชี้แจงว่า รัฐบาลได้เฝ้าติดตามการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กับจีนอย่างใกล้ชิดเสมอมา พร้อมกับย้ำว่า “ความมั่นคงของไต้หวันจำต้องสำเร็จได้ด้วยความเพียรพยายามของตนเอง ด้วยเหตุนี้ ประเทศของเราจึงได้อุทิศตนเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการป้องกันตนเองและความแข็งแกร่งในการรับมือต่อสถานการณ์ ประเทศของเราจะมุ่งมั่นดำเนินงานอย่างหนักในเรื่องนี้ต่อไป”
ท่าทีของไต้หวันมีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันทั้งทางการทหารและการเมืองจากรัฐบาลจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลปักกิ่งถือว่าเกาะไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของตน ทั้งยังไม่เคยประกาศละทิ้งการใช้กำลังเพื่อการรวมชาติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ส.ค. 68)