
ทางการยูเครนแถลงในวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า การโจมตีทางอากาศของรัสเซียเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอย่างน้อย 18 ราย ทั้งยังพุ่งเป้าโจมตีโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของสหรัฐฯ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบรรเทาทุกข์และทางการท้องถิ่นในแคว้นซาการ์พัตเทียเปิดเผยว่า การโจมตีด้วยจรวดขีปนาวุธที่เมืองมูคาเชโว ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 15 คน และได้ทำลายคลังพัสดุของโรงงานดังกล่าว
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติได้แพร่ภาพมิโรสลาฟ บิเล็ตสกี ผู้ว่าการแคว้นฯ ขณะยืนอยู่ใกล้ซากอาคารที่ยังมีควันไฟคุกรุ่น พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าโรงงานแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกัน อันดรีย์ ซีบิฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีครั้งนี้อย่างรุนแรง
“ที่แห่งนี้เป็นสถานประกอบการของพลเรือนอย่างแท้จริง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกิจการทหารหรือการป้องกันประเทศเลย” ซีบิฮาโพสต์ผ่านทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์
“และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียโจมตีธุรกิจของอเมริกันในยูเครน หลังจากที่เคยโจมตีสำนักงานของบริษัทโบอิ้งในกรุงเคียฟเมื่อต้นปีมาแล้ว”
ส่วนที่เมืองลวีฟทางภาคตะวันตก มักซิม โคซิตสกี ผู้ว่าการเมือง แถลงว่าการโจมตีเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย และสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนถึง 26 หลังคาเรือน
กองทัพอากาศยูเครนระบุว่า ในการโจมตีระลอกนี้ รัสเซียได้ใช้โดรนถึง 574 ลำ และจรวดขีปนาวุธอีก 40 ลูก นับเป็นการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในเดือนส.ค.
“นี่คือเหตุผลสำคัญว่า ทำไมความพยายามที่จะกดดันให้รัสเซียยุติสงครามจึงเป็นเรื่องที่ต้องกระทำอย่างเร่งด่วน” ซีบิฮากล่าวเสริม
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหาหนทางยุติสงครามของรัสเซียในยูเครนให้ได้
ฝ่ายรัสเซีย ซึ่งปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการโจมตีพลเรือนมาโดยตลอด ได้ใช้ทั้งจรวดและโดรนโจมตีหัวเมืองต่าง ๆ ของยูเครนซึ่งอยู่ห่างไกลจากแนวรบ
นับแต่ที่รัฐบาลมอสโกได้ส่งทหารเข้ารุกรานยูเครนเมื่อปี 2565 มีพลเรือนต้องล้มตายไปแล้วหลายพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยูเครน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ส.ค. 68)