
สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประกาศเดินหน้าความร่วมมือเข้มข้นเพื่อหยุดยั้งการที่เกาหลีเหนือใช้แรงงานด้านไอทีในต่างประเทศเพื่อหารายได้สนับสนุนโครงการพัฒนาอาวุธ พร้อมเตือนว่าปฏิบัติการของเกาหลีเหนือมีความซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับมากขึ้นเรื่อย ๆ
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมทั้งสามประเทศเมื่อวันพุธ (27 ส.ค.) ว่า โปรแกรมเมอร์ชาวเกาหลีเหนือมักปลอมตัวเป็นฟรีแลนซ์จากประเทศอื่น ใช้ชื่อและที่อยู่ปลอมในการรับงานจากบริษัทและองค์กรในหลายภูมิภาค รวมถึงอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียตะวันออก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เผยว่า บางส่วนพึ่งพาเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) และผู้ประสานงานต่างชาติในการปกปิดตัวตน ขณะที่บางรายมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรมไซเบอร์โจมตี โดยเฉพาะในภาคบล็อกเชน
แถลงการณ์ระบุว่า แรงงานเหล่านี้อาศัยความต้องการบุคลากรด้านไอทีขั้นสูงเพื่อแทรกตัวเข้าไปในตลาดงานฟรีแลนซ์ทั่วโลก แต่การจ้าง สนับสนุน หรือจ้างเหมาแรงงานเหล่านี้อาจสร้างความเสี่ยงร้ายแรง ตั้งแต่การถูกขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ข้อมูล และเงินทุน ไปจนถึงความเสียหายด้านชื่อเสียงและผลทางกฎหมาย
ทั้งนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือถูกกล่าวหาว่าใช้บุคลากรด้านไอทีในต่างแดนเพื่อก่อเหตุโจมตีไซเบอร์ต่อธนาคาร บริษัทเอกชน และหน่วยงานรัฐในเกาหลีใต้และที่อื่น ๆ เพื่อขโมยเงินและข้อมูลลับทางทหารและอุตสาหกรรม ซึ่งทักษะและวิธีการของพวกเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเสริมศักยภาพทางทหารและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นกับรัสเซีย ซึ่งสร้างความกังวลต่อชาติตะวันตก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 68)