จูเลียน เอมมานูเอล นักวิเคราะห์จากบริษัทเอเวอร์คอร์ ไอเอสไอ (Evercore ISI) คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะพุ่งขึ้น 20% แตะที่ระดับ 7,750 จุดภายในสิ้นปี 2569 โดยได้แรงหนุนจากกระแสความนิยมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวถือเป็นระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับเป้าหมายของนักวิเคราะห์รายอื่น ๆ ในวอลล์สตรีท
เอมมานูเอลกล่าวว่า การปฏิวัติทางเทคโนโลยีกำลังเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น และยกระดับสังคมให้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดใหม่ โดยมองว่า เทคโนโลยี AI นั้นยิ่งใหญ่กว่าอินเทอร์เน็ต เนื่องจากภายในเวลาเพียง 3 ปี ผลกระทบของ AI ก็สามารถรับรู้ได้ในทุกภาคส่วนของสังคมและอุตสาหกรรม แม้ว่าการนำมาใช้จะเพิ่งเริ่มต้นก็ตาม
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของเอเวอร์คอร์คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 20% จากระดับปิดเมื่อวันศุกร์ (29 ส.ค.) ที่ 6,460.26 จุด หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไปแล้วเกือบ 10% ในปีนี้
นักวิเคราะห์ของเอเวอร์คอร์มองว่า ผลกระทบเชิงบวกของ AI ทำให้ผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ปรับตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทในดัชนี S&P 500 มีการเติบโตในอัตราเลขสองหลักและมีผลประกอบการที่สูงเกินคาดเป็นวงกว้าง แม้จะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ก็ตาม
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ของเอเวอร์คอร์ยอมรับว่าอาจมีปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดในปีหน้ามีผลลัพธ์ที่หลากหลาย โดยกรณีที่ดีที่สุดนั้น ดัชนี S&P500 อาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 9,000 จุด หากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ภาคธุรกิจ และนักลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนในขณะที่กรณีที่แย่ที่สุด ดัชนีอาจจะร่วงลงแตะระดับ 5,000 จุด หากอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงและเศรษฐกิจเติบโตอย่างซบเซา
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และทำสถิติสูงสุดระดับใหม่หลายครั้ง โดยได้ปัจจัยหนุนจากมุมมองเชิงบวกที่มีต่อผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทต่าง ๆ และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยการปรับตัวขึ้นครั้งนี้นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งหุ้นบริษัทรายใหญ่อย่าง Nvidia, Meta Platforms และ Microsoft ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 20% ในปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 68)
