BTS ลบ 3.49% มาปิดที่ 3.32 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 940.63 ล้านบาท เผชิญแรงขายช่วงบ่ายจนลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 3.30 บาท
BEM ลดช่วงบวกลงมาเหลือ 0.91% มาปิดที่ 5.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 639.40 ล้านบาท จากที่ปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 5.75 บาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [BTS] ปรับตัวลง และ ราคาหุ้น บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ [BEM]ลดช่วงบวก เนื่องจากคำให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า โครงการของรัฐบาลชุดก่อนหากเป็นโครงการที่ดีก็จะรับไว้สานต่อ แต่หากเป็นโครงการที่ทำให้เสียวินัยการคลัง อาจจะทบทวน รวมถึงการตั้งกองทุนเพื่อไปซื้อโครงข่ายรถไฟฟ้า รัฐบาลนี้จะไม่ทำ ทำให้หุ้น BTS ไม่มีปัจจัยหนุนเลย ทั้งนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท และโครงการเอ็นเทอเทนต์เมนต์คอมเพล็กซ์ ขณะเดียวกันสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็ใกล้จะหมดอายุ จึงมีแต่เรื่องผลประกอบการของบริษัท
ขณะที่ BEM ยังมีอัพไซด์เรื่องสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะเปิดบริการเดินรถ ในปี 71
อย่างไรก็ดี ทั้ง BTS และ BEM ไม่ได้รับผลกระทบต่อนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมากนัก เพราะรายได้ที่เพิ่มเข้ามาก็จะต้องจ่ายส่วนแบ่งให้กับภาครัฐ
ด้านนายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ [BEM] เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลใหม่จะมีการทบทวนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เพราะธุรกิจรถไฟฟ้าปัจจุบันก็ยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่บริษัทพร้อมที่จะร่วมมือนโยบายดังกล่าว โดยรายได้ส่วนที่เกินบริษัทไม่ได้ทำกำไร และไม่ได้เป็นภาระกับภาครัฐ
ทั้งนี้ ในเดือนส.ค.68 จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยในวันธรรมดา (Weekday) อยู่ที่ 5.2 แสนคน/วัน เติบโต 6% จากเดือนก.ค.68 ที่มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยทั้งสัปดาห์เฉลี่ย 4.9 แสนคน/วัน โดยวันศุกร์ จำนวนผู้โดยสารขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 5.4-5.5 แสนคน อย่างไรก็ดี ในช่วง 8 เดือน จำนวนผู้โดยสารทรงตัวจากปีก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 68)
