
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาที่จะเก็บภาษีซื้อขายทองคำ เพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า ขณะนี้ ธปท. และกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการหารือถึงแนวทางในการเก็บภาษีจากการซื้อขายทองคำด้วยสกุลเงินบาทผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ โดยคาดว่าอาจยกเว้นภาษีดังกล่าวสำหรับการซื้อขายทองคำในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ การซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้า หรือการซื้อจากร้านทองรูปพรรณ
ข้อมูลจากบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS Gold Group) หนึ่งในผู้ค้าทองคำรายใหญ่ของไทย เผยว่า คนไทยซื้อทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ถึงเกือบ 70%
แหล่งข่าวระบุว่า วัตถุประสงค์ของการเก็บภาษีดังกล่าวคือเพื่อลดการส่งออกทองคำ ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกทองคำของไทยพุ่งสูงขึ้นถึง 69% คิดเป็นมูลค่า 2.54 แสนล้านบาท โดยเฉพาะการส่งออกไปยังกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติจนมีการเรียกร้องให้สอบสวน ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกก็ปรับขึ้นเกือบ 40% ในปีนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า รายได้จากการส่งออกทองคำเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2564 โดยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถึง 7% ในปีนี้กระตุ้นให้เกิดเสียงเรียกร้องให้ธนาคารกลางเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อปกป้องภาคการส่งออกและท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสองเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยถึง 70%
ทั้งนี้ ตัวแทนจากกระทรวงการคลังและธปท.ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ธปท. มีกำหนดหารือกับผู้แทนบริษัทค้าทองคำในวันนี้ และกระทรวงการคลังจะหารือเพิ่มเติมกับธปท. ต่อไป แต่จะยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ เกิดขึ้นจนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 68)